"7 เทคนิค ฟันกำไร หุ้นเดย์เทรด"

"7 เทคนิค ฟันกำไร หุ้นเดย์เทรด"
ติดตามความเคลื่อนไหวของหนังสือ "7 เทคนิค ฟันกำไร หุ้นเดย์เทรด" คลิ๊กโลดครับ

Thursday, December 8, 2011

รวมมิตรกลอนหุ้น สองวันที่ผ่านมา...แต่งเองน่ะเออ ^^

อันหุ้นไทย..ยามจะนิ่ง..ก็เงียบกริบ..
เหมือนรูดซิป..ไม่ขยับ..ไร้หวั่นไหว..
ยามจะขึ้น..ก็ไม่ทัน..ตั้งตัวไว..
ขึ้นกระจาย..อยากจะด่า..ของไม่มี...

ยามจะทิ้ง..ก็โยนของ..เหมือนของถูก..
ปวดกระดูก..เพราะรับของ..แทบไม่ไหว..
นั่งหน้าเศร้า..เจอะความจริง..โอ้วบรรลัย..
หมดอาลัย..นั่งเหม่อลอย..ดอยสวยเอย..

พอหุ้นขึ้น..ก็นั่งชม..ว่าเจ้าเก่ง..
แสนทะเล้น..แสนน่ารัก..ใจดีหนา..
ยามหุ้นลง..อยากตบหัว..เจ้าสักครา..
ทำแบบนี้..เจอข้างนอก..ถ้าแน่จริง..

สรุปคือ..ตลาดหุ้น..มิใช่หมู..
ใครอวดรู้..ตรูมั่นใจ..ระหวังหนา..
ซื้อสิบครั้ง..ถูกสิบครั้ง..ใช่นำพา..
ผิดครั้งเดียว..ไร้วินัย..หมดตัวเอย..

โดย...พีร์ บุญชนะวิวัฒน์
7/12/2011




อันหุ้นไทย...นั้นได้ชื่อ...ว่าอินดี้
ชอบขยี้...หัวใจเม่า...ให้เศร้าหมอง
หุ้นนอกขึ้น...เฮียเล่นลง...โอ้วลำยอง
ไอ้ผยอง...เจ๋งจริงจริง...หลอกแดกตรู

ยามน้ำท่วม...บอกว่าแย่...ให้แย่งขาย
ช่างน่าอาย...ขายของหมด...เฮียรับของ
อยู่อยู่มา...SET ยืนได้...พี่รับรอง
ไอ้ปลาทอง...จำไม่ได้...หรืออย่างไร

ถือเงินสด...อย่าเพิ่งเข้า...รอดูหรั่ง
ให้ระวัง...หรั่งเข้าสั้น...เร็วรีบขาย
พอแตะพัน...โอ้วไทยเลิศ...พุ่งนิวไฮ
โอ๊ะลืมไป...ไม่มีของ...รีบซื้อเอย

มาวันนี้...หุ้นพันห้า...จุดจุดจุด
ซื้อเป็นชุด...พันร้อยแน่...แม่บอกเฉย
อัดเต็มพอร์ท...บอกเมียน้อย...รวยแน่เอย
ใจนิ่งเฉย...เฮียว่าไว้...นิ่งกำไร

พันห้าสิบ...ขึ้นมาเร็ว...ดั่งฟ้าฟาด
อาละวาด...จัดเป็นชุด...ทุบหัวหาย
ตรูเพิ่งเข้า...ได้ดีใจ...แค่ชั่ววาย
ซวยฉิบหาย...ขายไม่ทัน...หนาวจริงเอย.....

...เอวังด้วยประการฉะนี้นี่เอง....T____T"

โดย..พีร์ บุญชนะวิวัฒน์
8/12/2011

Wednesday, November 30, 2011

เมื่อปุ๊ ระเบิดขวด ท้าดวล แดง ไบเล่ย์ เวอร์ชั่นตลาดหุ้นไทย 2554!


ตลาดหุ้นไทยเดือนนี้...ถ้าเปรียบเป็นหนัง ก็คงไม่ต่างจาก "2499 อันธพาลครองเมือง"..

เมื่อ ปุ๊ ระเบิดขวด หัวหน้าแก๊งค์ "หรั่ง ฟันด์โฟลว"...นัดดวลกับ แดง ไบเล่ย์ เฮียใหญ่ประจำแก๊งค์ "ย่อยไทย ไปดอยโลก"... อะไรจะเกิดขึ้น?!!!

ปุ๊: เฮ้ย! แดง นายทำงี้ได้ไง หุ้นลงนายซื้อ หุ้นขึ้นนายขาย...แบบนี้มันเอาเปรียบรายใหญ่อย่างเราน่ะ...เด๋วปั๊ด! โยนระเบิด กลางตลาดหุ้นซะเลยนี่!! ฮึ่ม!
...
แดง: อ้าว! ปุ๊...นายพูดแบบนี้ก็ไม่สวยซิ...จะเอาแต่ได้อย่างเดียว อยู่คนเดียวรึไง...เราก็มีลูกน้องต้องดูแล...นายขายเราซื้อ นายซื้อเราขาย...เราผิดด้วยหรือ? ฮ่วย!!

...ดำ เอสโซ่ ที่มีแก๊งแว๊นส์ "ปอบ ตามเจ้า" เดินมาทันใด...

แดง: ดำ...นายช่วยคุยกับปุ๊ให้เราที ไม่อยากมีปัญหานองเลือดกันว่ะ

ดำ: ไม่รู้ว่ะแดง...สำหรับเรา "แล้วแต่ปุ๊!!!"

ปุ๊: เราเตือนนายแล้วน่ะแดง..นายต้องคุมลูกน้องให้หัดเล่นตามตลาดเมืองนอกบ้าง ไม่ใช่ทำกันแบบนี้ เราต้องมาไล่ซื้อของที่ขายไปแทบจะราคาเดิม...ไม่คุ้มว่ะ!

...แดง ไบเล่ย์ ครุ่นคิดอยู่นาน...ลุกขึ้นกระชากคอเสื้อปุ๊ ระเบิดขวด ทันใด พร้อมกับตะคอกใส่ว่า...

..."ปุ๊!! เล่นหุ้นไทย ต้องอดทน!!!"...

(-/\-) แหะแหะ (-/\-)

...หาเรื่องตลกไม่เจอ...เลยแอบแต่งตามความรู้สึกคร้าบบบ...พี่ไทยจะอินดี้ไปไหนเนี่ยะ ฮ่วย!! อารมณ์ศิลปินจริงๆ -___-""

พีร์ บุญชนะวิวัฒน์ ^_^

Tuesday, November 1, 2011

รอบโลกเริ่มทิ้งกัน...แล้วพี่ไทยจะทำอย่างไร อิอิ

ชิลเล่นที่เกาะพีพี แอบเช็คดัชนีหุ้นทั่วโลก...บร๊ะเจ้า.!!! แดงเถือกทั่วโลก ส่วนพี่ไทยแข็งช่วงเ้ช้า สุดท้ายก็ต้านไม่อยู่ครับ...น้ำท่วมบ้านแบบนี้ เพื่อนบ้านก็ไฟไหม้ลามกันเป็นแถบๆ เพราะเรื่องกรีซที่ดูท่าแล้วจะเป็นหนัง "หลอกคนดู" ว่าจะแก้ได้...ไม่น่ารอดต้องเจ๊งยับแหงๆ T__T"

มาดูกราฟ SET 120 นาทีกันต่อน่ะครับ...





เมื่อวันอาทิตย์...ผมได้โพสกราฟ SET ระยะ 120 นาที (http://www.facebook.com/photo.php?fbid=269444516431171&set=a.159598537415770.26222.137030013005956&type=1&theater) ลองดูกันน่ะครับ ว่ามันลงจริงๆด้วย แถมลงมาปิด gap แรกที่ 960 จุดได้ในช่วงบ่ายของวันนี้อย่างสวยงาม

จากกราฟที่ผมไม่ได้ทำอะไรเพิ่ม นอกจาก "เส้นสีเขียว" ที่วาดเพิ่มมาให้เป็นแนวรับที่บริเวณ 970-972 จุดครับ....ถามว่าวาดทำไม...อันนี้สำหรับคนเล่นสั้นขยันสอยมากๆ...มันจำเป็นต้องรู้ครับว่าแนวรับในวันสองวันที่ผ่านมานี้...คือจุดใด...

จากแท่งเทียนก็เห็นชัดเจนว่าเมื่อ SET ลงมาทดสอบ 970 โดยประมาณ..ดัชนีมักมีการรีบาวน์ มีแรงซื้อรับตรงนั้นค่อนข้างเยอะ...

ดังนั้นแล้ว เราคาดการณ์ได้เลยว่า...ถ้าเมื่อไหร่พี่ปู่เราหลุด 970 จุดได้แรงๆ...เราจะเจอแรงขายที่มากกว่าปกติ...สาเหตุอย่าถามครับ อธิบายยาก ฮ๋าๆ...

เมื่อเราได้แนวรับ 970 จุดแล้ว...ต้องคิดต่อว่า ถ้ามันหลุด...มันมีโอกาสลงได้ถึงไหน...ฮั่นแน่!! จุดแรกคือ GAP ที่ 960 จุด...อันนี้อาจจะเป็นจุดเจอแรงซื้อเมื่อปิด gap...แต่ไม่ได้หมายความว่า ลงมาปิดปุ๊บแล้วต้องขายหรือซื้อทันทีน่ะครับ...ต้องดู momentum ตลาดพร้อม indicators ทั้งหลายอีกด้วย...ซึ่งอย่างที่เห็นว่าปัจจัยหลายๆอย่าง มันพร้อมจะลงไปได้มากกว่านี้...

1) ดัชนีรอบโลก...เละตุ้มเป๊ะมาสองวันติดและมีวี่แววว่าตลาดอเมริกาและยุโรปคืนนี้...จะสุดเขตเสลดเป็ดกันเป็นแถวๆ...กรีซพากรี๊ดดดด กันหล่ะงานนี้พี่น้องเอ๊ยยยย!! 55

2) Indy ต่างๆ...ตัดลงทุกตัว...แล้วจะไปซื้อเพื่อ!! (สำหรับคนที่เชื่อในกราฟระยะสั้น - กลาง ไม่นับ Day และ Week น่ะครับ แหะแหะ)

3) MACD ใกล้ตัดลงต่ำกว่าศูนย์...ผมลองวาด support line ของ MACD มาดู...มีโอกาสสูงทีเดียวที่จะลงมาทดสอบที่เส้น support line ครับ...ถ้าลงมาแตะแล้วมีแรงซื้อสวน ก็อาจจะปิดทำกำไรหรือเข้าซื้อเก็งกำไรสั้นๆ...แต่ถ้าหลุด support line ก็ลุ้นปิด gap 917-920 จุดเป็นอย่างน้อยได้เลย...

...จากปัจจัยตรงนี้...คนเล่น tfex ที่ถือ Short Position น่าจะยิ้มได้พอควร...ส่วนต้นทุนเท่าไหร่ ก็แล้วแต่จังหวะเข้าครับ..

โอกาสลงมีได้ถึงไหน?....

ขอย้ำ!! ว่าไม่มีใครรู้อนาคต ทุกอย่างล้วนตั้งอยู่ในพื้นฐานของความน่าจะเป็นครับ...มีถูกมีผิดได้..อิอิ

1) จากแท่งเทียนที่เห็น...ด่านรับแรกคือ 935-940 จุด...จุดนี้มีการสร้างฐานกันพอสมควรก่อนที่จะดีดไป 40-50 จุดครับ...ด่านรับสองถ้าด่านแรกเอาไม่อยู่ก็คงเป็นประมาณ 910-920 จุด...สังเกตุน่ะครับว่าสองจุดนี้มี gap อยู่สอง gap

2) อาจจะลงมาทดสอบเ้ส้น support line (หมายเลข 2) ที่บริเวณ 940 จุด...แล้วเจอแรงซื้อกลับ....ตรงนี้ถ้าหลุดแรงๆ ก็อาจจะหลุด BB Bottom ได้เช่นเดียวกัน...ก็อาจจะเป็นจุดที่นักเก็งกำไรระยะสั้นยิกๆ เข้าซื้อแล้วหวังกำไรกันไม่กี่ % แล้วออก...เข้าเร็วออกเร็ว ต้องเทรดเดอร์ขาซอย!! ฮ่าๆๆ

นี่คือหลักวิเคราะห์คร่าวๆ...ที่ผมอยากให้ทุกท่านสังเกตุและทำตามคือ...

...การจะเข้าซื้อขายหุ้นทุกครั้ง...ไม่ใช่คิดจะซื้อก็ซื้อ พอติดดอยแล้วก็มาฟูมฟายโทษนู่นโทษนี่...เวลาจะขายก็ไม่กล้าขายกัน...ทำแบบนี้เรื่อยๆ ก็คงต้องเตรียม Say Goodbye จากตลาดหุ้นได้เลยครับ...ไม่นานเกินรอ เจ๊ง!! การันตีได้เลยครับ

...คุณอาจจะโชคดีจากการติดดอยหุ้นแล้วไม่คัทลอส ยามผิดทาง แต่เนื่องจากตลาดเป็นขาขึ้นตั้งแต่ปี 2009 ถึง กลางปี 2011 ที่ผ่านมา...คุณติดดอย..คุณก็คิดว่า เดี๋ยวมันก็ขึ้น...สุดท้ายพอมันขึ้นมาจริงๆ...มันไม่ได้ทำให้คุณเป็นนักลงทุนที่ดีขึ้น...เพราะคุณจะคิดว่า เห็นมั๊ย!! ถ้าชั้นโง่ขายตอนนั้นไป ก็ไม่ได้กำไรหรอก...

...อย่าคิดแบบนี้น่ะครับ...เพราะมันทำให้คุณเป็น..นักลงทุนที่แย่ลง...!!

เทรดเดอร์ชื่อดังแทบทุกท่าน...ย้ำเสมอว่า รักษาต้นทุนก่อน แล้วค่อยคิดถึงกำไร...เรียนรู้การคัทลอสให้เก่งก่อน แล้วการทำกำไรจะดีขึ้นเอง...

อยู่ในตลาดให้ได้นาน กำไรสม่ำเสมอ...ใครทำได้ ผมว่าคุณคือสุดยอดเทรดเดอร์...

...ส่วนจะมากน้อยเพียงใด..อันนี้จิตใจ ฝีมือ จังหวะ และโอกาสครับ...แต่ละคนจะมีไม่เท่ากัน...สู้!!!

บ่นจบแล้วคร้าบบบ ฮ่าๆๆๆ

โชคดีกับตลาดน่ะครับ...

ปล.. บทความนี้ผมไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย เพราะไม่ได้เทรดต่อจากนี้อีกอย่างน้อย 1 อาทิตย์ครับ...ไม่มี bias ดูจากกราฟกับสิ่งที่เห็นล้วนๆ..โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านและตัดสินใจน่ะคร้าบบ ^__^

Sunday, October 30, 2011

กราฟ SET ก่อนและหลังน้ำท่วมกรุง โอ้วววว น้ำแตกกก!!!

คำเตือน: บทความนี้ยาวพอควร...แต่มีประโยชน์แน่นอน...อ่านก่อนนอนน่ะคร้าบบ++

ใครๆก็บ่นว่า...น้ำแมร่งท่วมกรุง แต่ทำไมหุ้นขึ้นเอาๆสวนทางจังว่ะ? ผมตอบแทนเลยครับว่า...ถ้ารู้ กูรวยเป็นพันเป็นหมื่นล้านไปแ้ว้วววว!!!! 555 นี่แหล่ะครับ สิ่งมีชีิวิตที่เรียกว่าตลาดหุ้น...มักจะสวนทางกับความรู้สึกของเราเสมอ.. นี่คือที่มาของการ technical analysis ที่ถ้าเราตัดอารมณ์ bias ทางความคิดออกได้...เล่นตามกราฟ...ยังไงก็กำไรครับ ผิดทางก็คัทลอส แค่นั้นเอง...เล่นได้ทั้งชีวิต หุหุึถึงแม้ไม่ได้เทรดอีกอย่างน้อย 1 อาทิตย์ตั้งแต่พรุ่งนี้ไป...(อย่าให้เป็น 2-3 อาทิตย์เล้ย...สาธุๆๆ) แต่ก็ขอเอากราฟ SET มาฝากคร้าบบบ...

SET ระยะ 120 นาที 




จะเห็นว่าตั้งแต่เริ่มชัดเจนว่าน้ำท่วมกรุงเทพแน่ๆ ตั้งแต่ช่วงวันที่ 18-20 ตุลา ที่ผ่านมา...SET ได้สร้างแนวรับแกร่งที่บริเวณ 900-915 จุด...ตรงนี้ถ้าหลุดอีกครั้ง...ทดสอบ low เดิมหรืออย่างน้อยปิด gap ที่ 862.65 จุดแน่นอนครับ...เหตุผลอย่าถาม...ประสบการณ์มันจะสอนเองครับ ^^

ผมลากเส้น trendline หลายเส้น เริ่มจากเส้นแนวรับ "สีเหลือง" จะเห็นว่าแนวรับใหญ่ตาม trendline ณ ตอนนี้อยู่ที่ประมาณ 940 จุด...หลุดไม่ได้ หลุดคือขายเท่านั้น...ประกอบกับแท่งเทียนที่เรียงรายสู้กันตุ๊บๆตั๊บๆบริเวณนั้นแล้ว...ชัดว่า....เมิงอย่าหลุดเชียวน่ะ!!! มีเสียวแน่!!

แนวรับเส้นที่ 2 คือ "เส้นสีฟ้า" อันนี้ผมถือว่าเป็นเส้นแนวรับระยะสั้นครับ ลากจาก 910 มาแตะ 940 จุด โดยประมาณ ก็จะได้เส้นแนวรับที่ชันพอควร เลยถือว่าเหมาะกับพวกเล็กสั้นขยันซอย...ยิก ยิก ยิก \\l0l// .....ตรงนี้จะได้แนวรับที่ประมาณ 960-965 จุด...เอ๊ะ!! มี gap บริเวณนั้นพอดี..อืมม น่าคิดน่ะครับ

ส่วนเส้นแนวต้าน ผมวาดไว้สองเส้นครับ...

เส้นแรก วาดจาก 949.34 จุด มาแตะ 973.40 จุด เราก็จะได้ resistance line ขึ้นมา...แล้วเห็นอะไรมั๊ยครับ...ติ๊กต่อกๆๆๆ...

วันที่ 27 ตุลาที่ผ่านมา...SET พยายามผ่านเส้นแนวต้าน 2 ครั้ง...มันไม่ผ่าน!!! แล้วก็เจอแรงขายตามหลักทันที...ไม่ผ่านก็ขาย ไม่หลุดก็ซื้อ...แค่นี้เอง...

เส้นที่สอง อันนี้วาดไว้ล่วงหน้าหลังจากเกิดการทำ high รอบก่อนหน้านี้ที่ประมาณ 973.4 จุด ครับ..โดยผมลากจาก high สุดท้ายก่อน SET หลุดพันจุดที่ประมาณ 1030 จุด มาแตะ 973 จุด...เห็นอะไรม่ะครับ...เราจะได้เส้นแนวต้านที่ถ้าเกิด break ผ่านไปได้...รู้เลยว่า...ไม่ซื้อตามก็แย่แระ!! ต่อให้ข่าวร้ายแค่ไหน...ถ้ามันผ่าน ตามหลักต้อง follow buy ครับ...

มาดู indicators กันบ้าง...

Slow Stochastic --> วันศุกร์ที่ผ่านมาอยู่บริเวณจุดสูงสุดเดิม...โดนตบหัวทิ่มไป!! ตอนนี้ตัดลงไปแล้ว...แสดงว่ามีโอกาสลงมากกว่าขึ้นครับ...

MACD --> ทะลุศูนย์มาได้...ยังดูดี แต่มีการงอหัว หักหัวลงมาพอสมควรใกล้ตัดเส้น signal line เหมือนกัน ก็ต้องดูต่อไป...สัญญาณยังบอกว่า...ถือไป อย่าคิดลึก!!

EMA --> แท่งเทียบยังยืนเหนือเส้นเฉลี่ย 5 วันได้ ก็ยังแสดงว่าถือต่อ แต่ถ้าพรุ่งนี้เป็นต้นไป มีวันไหนต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 5 วัน...ก็ระวังน้ำแตก!! กันน่ะค้าบบบ (น้ำตาแตก อิอิ)

Bollinger Bands -->วันที่ 20 ตุลา...ทะลุ BB Bottom ไปเล็กน้อย...แต่ก็ยืนได้ ก็เลยดีดกลับมา...วันที่ 25 ตุลา ทะลุผ่าน BB Average ตามหลักก็แสดงว่าต้อง buy หรือ hold ครับ...แต่แล้ววันที่ 27 ตุลา...ชน BB Top อยู่สองแท่ง...เตือนแล้วว่า...ชนบ่อยๆมันเสียวน่ะน้อง...ระวังขาย...แล้วก็อย่างที่เห็น...ตุ๊บๆ ตั๊บๆ พรืดดดดด....ร่วงมาพอควรทีเดียว...

สรุป...

SET ต่อจากนี้...ภาพรวมกลับมาเป็นขาขึ้นเล็กๆครับ...แต่จากสัญญาณที่เริ่ม Overbought ก็มีสิทธิ์เจอแรงขายแรงๆได้เสมอ...ถ้าลงมาไม่หลุดเส้นแนวรับที่วาดไว้...เข้าซื้อใหม่หรือซื้อเพิ่ม พร้อมตั้งจุดคัทลอสเสมอ...

เล่นตามกราฟ ตัดอารมณ์ส่วนตัวออก..ถ้าตลาดมันเป็นอย่างที่เราคิดเสมอ...คนก็รวยกันทั้งประเทศแล้วครับ...

อย่าโทษตลาด...ถ้ามันทำให้เราขาดทุน...
อย่าโทษผู้เล่น...ที่ทำให้คุณเวียนหัวและเคืองโกรธ...

แต่..จงโทษตัวเอง..ในยามที่เราแพ้พ่าย...
และ..เก็บสิ่งนั้น...มาเป็นบทเรียน...เพื่อเป็นผู้ชนะ...ในวันหน้า!!

Thursday, October 6, 2011

กราฟ SET ระยะ Week และ Day มาจัดเต็ม!!!

นอนพักมาเต็มอิ่ม ได้เวลาลุยกราฟกัน เดือนละครั้งสองครั้งกันดีกว่าครับ...

เริ่มด้วยกราฟ SET ระยะ Week กันเลย...







.ดูภาพใหญ่ที่มันส่งสัญญาณเตือนขาลงมาหลายเดือนแล้ว...ผมลองลากเส้น Fibonacci เอาจากจุดสูงสุดของรอบนี้ที่ประมาณ 1148 จุด แล้วให้จุดต่ำสุดเลยที่ 381 จุด....จะเห็นว่าเราจะได้เส้นแนวรับสำคัญแรกที่บริเวณ 855.55 จุดซึ่งอย่างที่เราเห็นว่า มันลงทะลุไปแล้วในวัน แต่สามารถยืนเหนือ 855 จุดได้...เมื่อยืนได้..สิ่งที่สังเกตุต่อมาคือแท่งเทียนมันหลุด BB Bottom ไปพอสมควร...จริงๆก็หลุดมาตั้งแต่แท่งเีทียนของอาทิตย์ที่แล้ว...แต่อย่างว่าครับ นี่มันคือกราฟ Week ก็ต้องใช้เวลา 1-2 อาทิตย์ถึงจะเห็นการรีบาวน์ แต่เผอิญที่ว่า...แค่อาทิตย์นี้ก็เริ่มดีดตัวกลับแล้วครับ...

ถามว่าการดีดวันนี้เป็นขาขึ้นอีกครั้งรึเปล่า....จากกราฟ...ยังครับ! เพราะอะไร?

ที่เห็นคือมีโอกาสรีบาวน์เท่านั้น...แต่ถ้าดู SST, MACD รวมไปถึง EMA แ้ล้ว...ยังห่างไกลพอสมควรต่อคำว่า "ขาขึ้น" ครับ...

SST --> ลงไปทดสอบบริเวณต่ำสุดที่ 11.88% มาแล้วเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว...วันนี้แรงดันพอสมควร แต่ก็ยังไม่ตัดเส้น signal line ได้ครับ...ดูกันต่อไป

MACD --> หัวทิ่มชัดเจน...โงหัวยังไม่ค่อยขึ้น ก็อาจจะต้องใช้เวลาหน่อยครับ สำหรับผมแล้ว ตลาดจะขึ้นสวยๆอีกครั้ง MACD ควรทะลุปล้องผ่านเส้น Trendline ที่ผมตีไว้ของ MACD ด้วยครับ...ทะลุได้เมื่อไหร่ ใส่กันให้น้ำแตกกระจายไปเลย ฟิ้วววว!!

EMA --> อันนี้เส้น EMA ระยะ 5 วัน ณ ตอนนี้อยู่ที่ประมาณ 960 จุดเลยครับ....ประกอบผมลองลากเส้น Resistance Line ดู (เส้นสีฟ้า) ก็จะได้แนวต้านที่บริเวณเดียวกันคือประมาณ 950 - 960 จุด

สรุปตามความเห็นส่วนตัว...

SET ในระยะกลางต่อจากนี้ ยังเป็นขาลงอยู่ครับ....โดยมีแนวรับสำคัญที่ 850-855 จุด...แนวต้านสำคัญประมาณ 960-970 จุดครับ...อีกอย่างน่ะครับ ตลาดสองวันที่ผ่านมานั้นขึ้นมาเร็ว ไม่แปลก เพราะตอนลงก็ลงเร็วและแรงเช่นกั

ตลาดสามสี่วันต่อจากนี้ น่าจะสวิงกิ้งสุดสวิงริงโก้พอสมควร แต่จากแท่งเทียนแล้ว ถ้าพรุ่งนี้ปิดเขียวได้...อาทิตย์หน้าน่าจะมีลุ้นไป 960 จุดอย่างน้อยครับ ^_^

จุด Cut Loss หรือ Trailing Stop เป็นสิ่งสำคัญในภาวะตลาดเช่นนี้น่ะครับ

มาต่อกันอีกกราฟกับ SET ระยะ Day ครับ...จัดทั้งทีต้องสองครั้ง เอ๊ย! สองกราฟ อย่างน้อย เอิ๊กๆๆ



คราวนี้ผมลองตั้งสมมติฐานที่ว่าดัชนีที่บริเวณ 845.50 เป็นจุดต่ำสุดของรอบนี้ ในความคิดผมน่ะครับ...ก็ลองลากเส้น Fibonacci หาแนวต้านของภาพระยะ Day ดู....เราก็จะได้เส้นสำคัญแรกที่ประมาณ 960 จุด โดยถ้าทะลุได้...มี GAP!!! ที่ประมาณ 690.59 จุด...อันนี้คือกรณที่ทะลุแล้วยืนเหนือ 960 จุดได้น่ะครับ ไม่ใช่ว่าทะลุแล้วโดนตบเป็นหมีดีดไข่กระทิงอีกทีนี่ ก็คงยังไม่มองว่าปิด gap ฮ่าๆ

อ่ะ...อย่างเพิ่งไปมองไกลกัน เรามาดูสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นกันดีกว่าครับ....วันนี้มันดีดวันเดียวขึ้นมาปิด GAP ที่ 914-915 จุดได้อย่างเว่อร์!! บร๊ะเจ้าจริงๆครับ วันเดียวดีด 50 จุดนี่ ไม่ธรรมดา อ๊ะเฮ้ย! ไม่ธรรมดาจริงๆ...แล้วสิ่งที่ผมเกลียดก็เกิดขึ้น เพราะจะเห็นได้ว่า Gap บน กับ Gap ล่างนี่...มีครบเลย...ก็เอาเป็นว่า SET ถ้าหลุดประมาณ 985 จุดอีกครั้ง ก็มองว่าปิด Gap ล่างที่ 973 จุดได้เลย...(ตรงนี้ส่วนต่าง 12 จุด)...ส่วน Gap บนนี่...ขี้เกียจนับครับ 3-4 Gap เลย ก็มอง Gap ใกล้สุดที่ระหว่าง 972 - 990 จุดน่ะครับ (ส่วนต่าง 18 จุดเลย)

สำหรับกลุ่ม Indy อย่าง SST, MACD และ EMA นั้น ก็ตามที่วาดมาให้พร้อม Trendline ครับ...

SST --> ตัดขึ้นแล้ว หลังจากที่เลี้ยงแบบคันหู จนอยากจับกินตับที่บริเวณ 11.88% มาสักพัก เอาให้สวยต้องทะลุ 40-50% ครับ แล้วเราจะได้ร้องกันว่า "คันกำไร ไม่รู้เป็นอะไร" 55

MACD --> กำลังจะตัดขึ้นครับ และก็เช่นเดียวกัน ต้องผ่าน resistance line ให้ได้ ก็จะสวยงามเป็นขาขึ้นได้ จากกราฟ..

EMA --> แท่งเทียนยืนเหนือ EMA5 ได้สวยทีเดียว...ถ้าไม่หลุด EMA5 ก็เข้าซื้อหรือถือต่อไปได้เลยครับ

สรุป....คือ ลืม...ลืมขาลงไปก่อน...เล่นเด้งกันไปก่อน...แล้วเราค่อยมาดูกันว่ามันจะตัดลงอีกเมื่อไหร่...ตอนนี้ก็ Enjoy Green Light!!! กันพลางๆน่ะคร้าบบบ

จุดที่ยากที่สุดของการเทรดไม่ใช่จุดซื้อ..แต่เป็นจุดขายทำกำไรหรือตัดขาดทุน!!

ใครใคร่ซื้อก็ซื้อ...ใครใคร่ขายก็ขาย...

ไม่มีใครซื้อได้ที่จุดต่ำสุดทุกครั้ง และขายได้จุดสูงสุดทุกครา...

ฝันดีก๊าบบบ ^_^




Wizard Kid (พีร์ บุญชนะวิวัฒน์)
6 ตุลาคม 2554


Thursday, September 29, 2011

การเดินทาง...ย่อมสนุกกว่า...การถึงที่หมาย

เคยมีคนที่ผมนับถือท่านนึงกล่าวว่า...

การเดินทางย่อมสนุกกว่าการถึงที่หมาย

ผมแย้งว่า "อะไรนะ"...เพราะผมเคยคิดว่ามีเส้นทางสายเดียวเท่านั้นที่จะพาเราไปถึงจุดหมายในชีวิต...

แต่หากเราเลือกทางสายนั้น ก็ไม่ได้แปลว่าเราจำเป็นต้องทอดทิ้งทางสายอื่นๆ...

ผมจึงตระหนักว่าสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างทางต่างหากที่สำคัญ

การสะดุด..และการล้ม...และมิตรภาพ

มันสำคัญที่การเดินทาง...ไม่ใช่ที่จุดหมาย

เดาว่าเราเพียงแค่ต้องวางใจว่าอนาคต...จะจัดการตัวมันเองอย่างที่ควรทำ

ถ้าคุณคิดว่าคุณพร้อมจะตะลุยไปยังจุดหมายปลายทางนั้น โดยไม่กลัวต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้นระหว่างทาง...

คุณก็แค่...กระโดด...เข้าหามัน!!

ชีวิตมีแค่ชีวิตเดียว...ถ้ามีโอกาส ก็จงทำสิ่งที่คุณอยากทำครับ..(ต้องไม่เบียดเบียนคนอื่นน่ะ แหะแหะ)

Monday, September 26, 2011

...ไม่มีอะไรน่ากลัวไปกว่า..."ความมั่นใจ"...ที่ไร้ซึ่ง "ประสบการณ์"

...ไม่มีอะไรน่ากลัวไปกว่า..."ความมั่นใจ"...ที่ไร้ซึ่ง "ประสบการณ์"

คำกล่าวนี้ ไม่เกินเลยความจริง...สั้นๆแต่ได้ใจความ บาดลึกโดนใจที่สุดครับ

ตลาดช่วงนี้และต่อจากนี้ไปจะเป็นการคัดกรองนักลงทุนที่จะ "อยู่ต่อ" หรือ "ลาจาก" แทบจะแน่นอน...

"ความมั่นใจ"...มีได้เป็นสิ่งที่ดีครับ...แต่หากไร้ซึ่งเหตุและผล โดยไม่มองสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ ณ ปัจจุบันแล้ว...มันก็ไม่ต่างจาก "อีโก้" ที่คุณแค่อยากจะชนะมัน...มันก็ไม่ต่างจาก "ความเชื่อยึดติด" ที่คุณแค่อยากจะพิสูจน์ว่าคุณมองไม่ผิด...

โดยที่คุณลืมมองไปว่า...อดีตที่คุณคิดกับปัจจุบันที่คุณอยู่ มันไม่สามารถบอกอนาคตที่แม่นยำได้อย่างแน่นอน...เพราะถ้ามันแน่นอน...นักลงทุนก็ไม่รู้จักคำว่า "เจ๊ง" หรอกครับ

"ประสบการณ์"...คืออีกสิ่งที่สามารถช่วยเราได้...คือสิ่งที่คอยเป็นตัวสะกิดต่อมความโลภ การตัดสินใจและเปรียบคล้ายกับเป็นสัญชาติญาณกระตุ้นเตือนว่า สิ่งที่เรากำลังเผชิญอยู่มันเคยเกิดหรือคล้ายๆกับอดีตที่เราเคยพบประสบมา

หากเป็นหน้าใหม่ (ผมก็หนึ่งในนั้น)...ก็เพิ่มพูนประสบการณ์ได้ไม่ยาก...ศึกษาจากอดีต ศึกษาพฤติกรรมการเอาตัวรอดของตลาดหุ้นในแต่ละยุคสมัย ในแต่ละสถานการณ์ แล้วก็นำมาคิดเสมอว่า ถ้าตัวเราพบเจอเหตุการณ์เช่นนั้นแล้ว...เราจะทำเช่นไรได้บ้าง...

คิดแล้ว...ต้องกล้าปฏิบัติ....ต้องกล้าลองถูกลองผิด...
คุณเทรด...คุณต้องยอมรับความเสี่ยงที่จะหมดตัว ที่จะขาดทุน เพราะอะไรๆก็เกิดขึ้นได้ในตลาดการเงิน...

เมื่อรู้ว่ามีความเสี่ยง..เราก็ต้องลดความเสี่ยงด้วยการมีจุด Cut Loss ตัดขาดทุน...ย้ำเสมอน่ะครับว่าต้องมี!! ตลาดขาขึ้นหลายๆคนบอกว่าจะมีไว้ทำไมเจ้า Cut Loss เนี่ยะ พอลงมาแตะจุดคัทลอส ราคาก็เด้งทุกที....

แต่ตอนนี้...ผมว่าหากใครไม่มีจุดตัดขาดทุนหรือ Cut Loss .....คงเจ็บปวดใจไปอีกสักพักเป็นแน่แท้ครับ...

ที่เขียนวันนี้ เพราะเข้าใจ เห็นใจ แต่ก็ยืนยันว่า ไม่มีใครช่วยคุณได้ ถ้าคุณไม่เริ่มที่ตัวคุณเองเสียก่อน...

...การภาวนาอ้อนวอนอธิษฐานในตลาดหุ้น...สำหรับผมแล้ว...มันคือ

"จุดเริ่มต้นของจุดจบที่แสนโหดร้าย" ครับ....

ศึกษาเอง ลุยเอง ตัดสินใจเอง กำไรเอง ขาดทุนเอง...แล้วคุณจะภูมิใจในสิ่งที่คุณทำ...

โชคดีครับ ^________________________^

Saturday, September 24, 2011

...ตลาดลงแรง...ควรทำอย่างไร...!!


ช่วงตลาดสองอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยเฉพาะสองวันทำการล่าสุดที่หุ้นร่วงลงมาร่วม 90 จุดนั้น..หลายๆคนพยายามคิดเข้าข้างตัวเองว่า..

..."หุ้นยังเป็นขาขึ้น" และ "เดี๋ยวหุ้นก็ดีดกลับไปที่เดิม"...

จนสุดท้ายหุ้นได้ร่วงมารุนแรง...ตามตลา่ดหุ้นทั่วโลก...ซึ่งทำให้นักลงทุนรุ่นใหม่และหน้าใหม่มากมายที่เพิ่งเข้าตลาดหุ้นมาในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เผลอทะนงตนและมั่นใจสุดขีดว่า เล่นหุ้นไม่มีคำว่า "ขาดทุน"... เพราะถ้าเข้าซื้อแล้วหุ้นลง...ก็ไม่ขายตัดขาดทุน ถือไปสักพัก เดี๋ยวราคาก็กลับมาที่เดิม ซึ่งหุ้นส่วนใหญ่ในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา เป็นเช่นนั้นจริงๆ...

...ก็เพราะมันเป็น "ตลาดหุ้นขาขึ้น" นั่นไงครับ...

แต่สิ่งที่ผมไม่อยากให้เกิด และก็คงไม่มีใครอยากให้เกิด แต่คงห้ามไม่ให้เกิดไม่ได้ ก็คือ..."ตลาดขาลง"... ซึ่งหลายๆท่านเคยผ่านประสบพบเจอมา รวมถึงตัวผมเองที่เคยหมดตัว 100% มาแล้ว...คำเดียวเลยครับ "สยองมาก!!"

คิดดูง่ายๆน่ะครับ หุ้นบางตัวขึ้นมาจากตลาด 400 จุดมาถึง 1140 จุดโดยประมาณ...มีกำไรตั้งแต่ 100 - 800% ...แล้วถ้าคุณมาบอกว่า หุ้นลงให้รีบซื้อตอนนี้ เพราะหุ้นราคาถูกมาก...คุณก็คงมองไม่ผิดกัน แต่ก็อย่างลืมว่า นี่ตลาดเปิดปรับตัวมาประมาณ 15 - 20% ของจุดสูงสุดเอง...ถ้ามันเป็นขาลงจริงๆ...ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่หุ้นหลายๆตัวจะปรับลง 40-60% หรือมากกว่านั้น จากราคาสูงสุดของรอบที่ผ่านมา

แล้วถ้าคุณไม่ศึกษา ไม่มีเหตุผลในการเข้าซื้อหุ้นช่วงนี้...คุณเตรียมเลิกเล่นหุ้นในไม่ช้าได้เลย...ถามตัวเองน่ะครับ...คุณจะเข้าซื้อเพราะอะไร...เล่นรีบาวน์? กินปันผล? หรือเพราะ "เซียน" บอกมา...

ถ้าคุณมีเหตุผลพอ คุณเข้าซื้อทุกครั้ง มีจุดตัดขาดทุน..คุณก็อยู่ในตลาดได้ตลอดชีวิต...

ถ้าคุณไร้เหตุผล...แต่ยังดันทุรังซื้อ...คุณก็มีจุดตัดชีวิต...ที่ทำให้คุณหมดหวังได้เหมือนกัน..

คำแนะนำสุดท้ายคือ....อย่าไปเชื่อว่า "เค้าบอกมา" "เซียนว่ามา"...คุณฟังได้...คุณคล้อยตามได้... แต่สุดท้ายการตัดสินใจ...ต้องมาจาก "ตัวคุณเอง"

เพราะมันคือเรื่องจริงที่...

..."เซียน" ในวันนี้...อาจจะกลายเป็น "เกรียน" ในวันหน้า...

ต่อจากนี้..หุ้นอาจจะดีดไปทำ New High ก็ได้...อาจจะทำ New Low ก็ได้...ไม่มีใครรู้หรอกครับ...ถ้ารู้ ก็รวยโคตรๆกันไปแล้ว...

ศึกษา เรียนรู้ ทดลอง และยอมรับสิ่งที่ตนเองกระทำ...อย่าโทษคนอื่น...

โชคดีครับ ^_^

Tuesday, September 20, 2011

ปะ ฉะ ดะ!! มาดู SET ปะทะ Dow Jones ในกราฟระยะ Day กันดีกว่าคร้าบ

หายจากการโพสกราฟหุ้นไปพอสมควร วันนี้เลยจัดให้เบาะๆ สองกราฟดัชนีสำคัญของคนไทยคร้าบบบ

SET และ Dow Jones ครับ

อันนี้ผมเอาจากที่ผมโพสใน fan page เมื่อช่วงค่ำวันนี้น่ะครับ (ก่อนตลาดดาวโจนส์จะเปิดทำการ 2 ชั่วโมงครับ)

Dow Jones 






หายไปนานเรื่องกราฟ...ขอลองดูแนวโน้มกราฟของ Dow Jones กันหน่อยดีกว่าครับ อีก 2 ชั่วโมงกว่าๆ กว่าจะเปิดทำการ...เรามาดูขำๆกันดีกว่าน่ะจ๊ะ

จากกราฟระยะ Day จะเห็นได้ว่า แท่งเทียนของ Dow Jones ทำตัวยึกๆยักๆ คล้ายกับหุ้นไทยเลย วิ่งได้น่าเวียนหัวดีแท้ เหมาะกับการ Trading มากกว่า Holding หุ้นหรือ Futures ครับ...ผมลองลากสามเหลี่ยมทองคำ...เฮ้ย!! มีทะลุเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา...แต่เมื่อคืนก็โดนตบสั่งสอนว่า อย่ารีบขึ้น เด๋วปั๊ดเหนี่ยว!!

ที่น่าสนใจคือ indy ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น MACD, RSI, และ SST ต่างก็ตัดขึ้น แต่อยู่ในลักษณะที่ตัดไม่สุด...MACD ลุ้นทะลุศูนย์.. ส่วน RSI โชว์ให้เห็นว่ามีแรงซื้อหนุนอยู่เยอะพอควร เพราะ indy อยู่บริเวณ High เดิม แต่ราคายังไม่ทำ high..น่าสนใจทีเดียวครับ...

คืนนี้มีโอกาสสองด้านเลย...แต่น่าจะเน้นไปทางขึ้นมากกว่า...แนวรับใหญ่ก็ตามเส้น support ที่วาดไว้เลยครับ...แนวต้านแรกก็ 11687 - 11700 จุดครับ...ผ่านได้ก็ลุ้น 12000 จุดตามจิตวิทยาโลด ^_^



SET








มาดูกราฟ SET ระยะ Day กันดีกว่าครับ

สุดยอดแนวรับ 1010-1013 จุดจริงๆ...!!! รอบนี้ที่มีรีบาวน์ ก็คงเป็นเพราะ bullish divergence ใน indy ทั้ง 3 indy ไม่ว่าจะ RSI, SST and MOCD ที่ดัชนีลงมาทดสอบ Low เดิม แต่ indy เหล่านี้ ไม่ได้ทำ low เดิม (ตามเส้นที่วาดให้ดูในกราฟน่ะครับ)

ดังนั้นโอกาสที่จะมีรีบาวน์ก็ย่อมมี...บ้าง...แต่กราฟยังอยู่ใน pattern ของ downtrend เช่นนี้....ถ้าอยากชัวร์ๆ รอดัชนียืนเหนือ 1050 อีกครั้ง ดูจะเข้าที....แต่ถ้าอยากลองของ ชอบความเสียว ก็เล่นได้ แต่ให้จุดคัทลอสในกรณีที่ดัชนีลงมาหลุด 1010 จุด ด้วยวอลุ่มและแรงขายรุนแรง...(ตรงนี้แนะนำให้ดู TFEX ด้วยว่า..ต้องหลุด 700 จุดด้วยจะดีครับ...วันนี้มันยันเหมือนรู้ว่่าหุ้นจะรีบาวน์...แล้วก็จริงๆด้วย...เจ๋งมว๊ากกกก!!)

กรอบการเล่นของ SET ช่วงนี้ 1010 - 1050 จุด น่ะครับ....ใครเล่นสั้น แนะนำให้เล่น timeframe ระหว่าง 15 - 60 นาทีน่ะก๊าบบบ....

สมาคมเล็กสั้นขยันซอย...ยิก ยิก ยิก รอต้อนรับขาซิ่งอยู่น่ะจ๊ะ ^____^

ปล.. มี gap กว้างๆอยู่ด้านบน...ถ้ายืนเหนือ 1063 จุดได้ ก็ค่อยมองปิด gap น่ะครับ ^_^





โชคดีมีชัยคร้าบบ

พีร์ บุญชนะวิวัฒน์ (Wizard Kid)

20 Sep 2011

Tuesday, August 16, 2011

เมื่อตลาดหุ้นโดนถล่ม...เหตุไฉน...มันจึงรีบาวน์กลับมาแรงได้...กราฟมันฟ้องนิ!!

หายไปหลายวัน...เพราะพาป๊ากับม๊าไปเที่ยวฉลองวันแม่ครับ อิอิ สุขใจแล้ว มาเห็นตลาดหุ้นรีบาวน์แรงๆได้...ยิ่งสุขใจเข้าไปใหญ่...คนมีของข้ามอาทิตย์มานี่ ยิ้มแก้มปริกันเป็นทิวแถว...ถือหุ้นไม่กี่วัน ได้ค่าเที่ยวคืนหมด เหมือนพาครอบครัวไปเที่ยวฟรีชัดๆ แหะแหะ

มาดูกันครับว่า...ทำไมตลาดถึงต้องรีบาวน์ ในภาวะที่ทุกคนหวั่นเกรงว่าจะเป็นวิกฤติเศรษฐกิจรอบใหม่...ไม่ผิดครับ...กราฟยังเป็นขาลง...แต่ในขาลงย่อมมีการเด้งกลับที่มักจะทำกำไรให้กับชาวสวนเสมอมา..ขอแค่มีวินัยเทรด คุณก็ไม่ต้องกลัวติดดอยครับ ลุย!!

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (11 ส.ค. 54)

- ดูจากกราฟ Dow Jones ระยะ Day ผมสังเกตุว่าเจ้า Slow Stochastic และ RSI อยู่ในระดับที่ต่ำเตี้ยติดดิน...ก็เลยคิดว่า นี่อาจจะเป็นโอกาสที่หุ้นอาจจะรีบาวน์ได้ระยะสั้น โอกาสทำกำไรมาแว้ววว!!
- ก่อนอื่นเลย เช็คกราฟย้อนหลังก่อนครับว่า ในอดีตที่ผ่านมา เมื่อ Slow Stochastic กับ RSI ลงมาต่ำระดับนี้...หุ้นต่อจากนั้นมักจะเป็นอย่างไร โอกาสที่จะขึ้นหรือลง แบบไหนมีมากกว่ากัน..ไม่น่าเชื่อน่ะครับว่า มีโอกาสสูงมากๆที่หุ้นจะดีดตัวกลับได้ ส่วนจะดีดเพื่อเป็นขาขึ้น หรือแค่เด้งเพื่อลงต่อ อันนี้ก็ค่อยมาว่ากัน ก็จะแคร์ทำไม ในเมื่อเราเล็งแค่ทำกำไรระยะัสั้น หุหุ
- ต่อจากนั้นก็มาสังเกตเห็นว่าเกิด Bullish Divergence ในตัว RSI ที่ราคาหุ้นทำ lower low แต่ RSI ทำ higher low ครับ เป็นอาการที่บ่งชี้ว่า นักลงทุนเริ่มกลับมาซื้อมากขึ้น..โอกาสดีดกลับย่อมมีสูง
- ลองตีเส้นหลากหลายมาให้...เห็นชัดน่ะครับว่า Dow Jones มันเป็นขาลงตอนหลุด 12500 จุด อันนี้ผมลองวาดสามเหลี่ยมมาให้ดูกัน...ใครตีกราฟแ้้ล้วทำตามวินัย เชื่อมั่นในการอ่านกราฟ...คุณไม่ติดดอย!! ไม่ขาดทุนหนัก! แน่นอน!


แต่...ดูแค่กราฟ Dow Jones อย่างเดียว คงไม่ดีแ่น่...เอาให้ชัวร์ก็ต้องดูกราฟพี่ไทย SET สุดเจ๋ง ก่อนตัดสินใจว่าควรเข้าซื้อดีหรือไม่ครับ...

ผมเลือกดู SET ระยะ 120 นาที เพราะมันสั้นดี แหะแหะ

- สิ่งที่เห็นนี่ เหมือนกับ Dow Jones เลยครับ ทั้ง SST และ RSI ทำจุดต่ำสุด ผมก็เลยใช้วิธีเดียวกันกับกราฟ Dow Jones ผลสรุปคือ ต่ำมากชิมิ...ดีดตล๊อดดดด!! อิอิ
- RSI ทำ higher low เป็นขั้นบันได...MACD ตัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 9 แล้วเช่นเดียวกับ SST ครับ ส่วนแท่งเีทียนก็ทำทรงเป็นสามเหลี่ยมทองคำ...

เมื่อรวมเหตุผลทั้งหมดที่ว่ามา...โดยไม่ต้องดูข่าวใดๆ...โอกาสทำกำไรมีมากกว่าขาดทุน ถ้าคุณซื้อหุ้นเมื่อวันที่ 11 ส.ค. ที่ผ่านมา...ถามว่าโอกาสผิดทางมีมั๊ย มีครับ.แต่จะกลัวทำไมถ้าคุณมีจุดคัทลอส...จะกี่ % หรือจะหลุดแนวรับที่คุณวางไว้ ก็แล้วแต่ชอบเลยครับ

ปัญหาต่อจากนี้คือ SET มีทั้ง gap บนเบ้อเริ่ม และ gap ล่างอีกเกือบ 20 จุด รออยู่ (ใครไม่เชื่อก็แล้วแ่ต่น่ะครับ แต่รอบนี้ SET ลงมาปิด gap เกลี้ยงเลย หุหุ ปิดเสร็จปุ๊บ มันดีดซะงั้น...มหัศจรรย์แห่งกราฟมีจริง!)

ต่อจากนี้ คุณกำไรกันหมด สำหรับคนที่เพิ่งช้อนซื้อมา...จุดขาย คงต้องอยู่ที่คุณพอใจครับ ตลาดช่วงนี้  สัญชาตญาณและประสบการณ์ จะช่วยคุณได้เยอะ การพลิกแพลงลูกเล่นต่างๆ มีเท่าไหร่นำมาประยุกต์ใช้ ให้ดีๆ กำไรงามๆแน่นอนครับ

โชคดีคร้าบบบ

Wizard Kid
2:09 น.
16 ส.ค. 54 


Monday, August 1, 2011

การตั้งจุด Stop loss และ Trailing stop โดยไม่ใช้กราฟ...ใช้แค่ใจและวินัยเทรด..ก็พอ!!


ห่างหายไปพอสมควรสำหรับบทความที่เกี่ยวกับการลงทุนครับ...วันนี้ก็จัดให้ซะหน่อย เป็นเรื่องเกี่ยวกับ การเทรดแบบมีจุดตัดขาดทุน (Stop Loss) และการเลื่อนจุดตัดขาดทุน (Trailing Stop) ครับ วิธีที่ผมจะอธิบายนี่ไม่เกี่ยวกับกราฟเลยน่ะครับ ใช้แค่วินัยเทรดและความเสี่ยงในการเทรดต่อครั้งที่คุณรับได้ ก็เท่านั้นเอง

...พร้อมแล้วชิมิ!! งั้นไปลุยกัน!!!...

จากประสบการณ์เทรดอันน้อยนิดมหาศาล (สรุปว่าน้อยหรือมากหว่า ฮ๋าๆๆ) ผมได้ข้อสรุปอย่างนึงครับว่า...

นักลงทุนแทบทุกคนไม่มีปัญหา...เวลาซื้อ
แต่มักจะตายน้ำตื้น...เวลาขาย...หรือ...ตัดขาดทุน

จริงอยู่ครับ...ตลาด ณ จุดนี้ (SET อยู่ที่ประมาณ 1130 – 1150 จุด) เป็นตลาดขาขึ้นในภาพใหญ่ หลายๆคนก็อาจจะพูดว่า...ซื้อหุ้นตัวไหนก็ได้ ถ้ามันลงมาหลุดราคาต้นทุนลงไปซัก 10 – 20%...เราก็ไม่ต้องขาย ขายทำไม ถือไปเถอะ เดี๋ยวมันก็ขึ้นกลับมาใหม่...

ถูกต้องครับ...มันขึ้นอยู่แล้ว..เพราะมันคือตลาดขาขึ้น
!!

แต่..
!! ขอเตือนเลยครับ...ยามที่ตลาดขาลงมาเยือน...ถ้าคุณไม่ขาย ดื้อถือไปเรื่อยๆ...การันตีได้ว่า...คุณได้ถือหุ้น เฝ้าหุ้น เป็นปีๆแน่นอน...เผลอๆเจ๊งหมดตัว หุ้นไม่ขึ้นมาอีกเลยก็เป็นไปได้
ดังนั้นแล้ว..ไม่ใช่เรื่องเสียหายแต่อย่างใด ที่เราจะควรมีความรู้เรื่องการตัดขาดทุนและการเลื่อนจุดตัดขาดทุน...ต่อให้คุณไม่มีความรู้เรื่องกราฟเทคนิค เทคโน อาชีวะ ก็ตามที...

...คุณก็ตัดขาดทุน...หรือสามารถ
Let Profit Run ได้อย่างไม่ต้องกังวลใดๆ...
วิธีนี้...ผมการันตีครับว่า...เมื่อคุณเลือกหุ้นที่ชอบแล้ว...คุณเคาะซื้อปุ๊บ...คุณไม่ต้องมานั่งเฝ้าหน้าจอแทบทุกนาทีเลยครับ...เพราะอะไร อ่านจบคุณจะรู้เอง...ถ้าไม่รู้...อ่านใหม่!! อิอิ
..ขออธิบายโดยใช้เหตุการณ์สมมติน่ะครับ เพื่อความง่ายในการเห็นภาพ..

สมมติว่านักลงทุน
P ได้ซื้อหุ้น X ที่ราคา 10 บาท โดยที่นักลงทุน P สามารถรับความเสี่ยงในการขาดทุนในการลงทุนในหุ้น X ได้ที่ 10 เปอร์เซนต์เท่านั้น...ก็คือ 9 บาท...ต่ำกว่านี้..ตัดขาดทุน!!

ต่อมา...ราคาหุ้น
X ได้ร่วงมาอยู่ที่ 9.20 บาท...ถามว่านักลงทุน P ต้องทำอย่างไร?

เครียดประสาทแด๊ก?...นอยด์โทรหามาร์?...ป๋าขาช่วยหนูที?...555
ตอบแทนเลยครับว่า...นักลงทุน P จะไม่เครียด ชิลๆ สบายๆ เพราะอะไรนั่นหรือครับ...ก็เพราะ

ราคายังไม่ถึงจุด Stop Loss ที่ตั้งไว้นั่นเอง!!

สิ่งที่เกิดขึ้นต่อจากนั้น จะมี 2 กรณีทั้งแบบ Best Case และ Worst Case น่ะครับ


          ราคาหุ้น X ร่วงไปถึง 9 บาทหรือหลุด 9 บาท...ในกรณีนี้...นักลงทุน P จะยอม Stop Loss ทันที โดยที่ไม่สนใจว่า หุ้นอาจจะรีบาวน์หรือดีดกลับได้ในอนาคต...เพราะวินัยการลงทุนของนักลงทุน P คือ ถ้าถึงจุดตัด ก็ต้องตัด!! ไม่ต้องเสียดายครับ หุหุ

โอเคว่า...ราคาอาจจะดีดกลับทันทีก็ได้...อันนี้แล้วสำหรับเทรดเดอร์ ถือว่าเป็นเรื่องที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ไม่ต้องซีเรียสครับ

แต่จะซีเรียสและเซ็งที่สุดถ้าไม่ยอมทำตามวินัยตัดขาดทุน...เพราะราคาหุ้นอาจจะร่วงต่อจาก 9 บาท ไปสู่ 5 บาท หรือต่ำกว่านั้นก็ได้...ใครจะไปรู้!!

ไม่มีใครรู้อนาคตหรอกครับ...แต่อย่างน้อย
หากคุณมีวินัยเทรด...คุณก็กุมอนาคตตัวเองไว้

Best Case
          ราคาหุ้นหยุดนิ่งสร้างฐานที่ 9.20 บาทมาสักระยะ จากนั้นก็เจอแรงซื้อกลับมหาศาล จนราคาทะลุ 10 บาท ไปยืนที่ระดับ 11 บาท...ณ จุดนี้นักลงทุน P ก็มี unrealized profit อยู่ที่ 1 บาทหรือกำไร 10% นั่นเอง...ว้าวว!!

แต่ช้าก่อน
!!...ถ้าตามสูตรลงทุนแนวนี้...นักลงทุน P จะไม่ขายครับ...แต่จะเลื่อนจุดตัดขาดทุนขึ้นมาทันที โดยคำนวนจุด Stop Loss ใหม่จาก

ราคาปัจจุบัน - (ราคาปัจจุบัน X Stop Loss ที่นักลงทุนรับได้)

ดังนั้น จุด Stop Loss ใหม่ของนักลงทุน P คือ 11 บาท – (11 บาท X 10%) = 9.9 บาท!!
สังเกตอะไรมั๊ยครับว่า...ถ้าเกิดราคาหุ้นร่วงมาที่ 9.9 บาท อีกครั้ง นักลงทุน P ขาดทุนแค่ 1% เท่านั้นเอง...สิ่งนี้แหล่ะครับคือ Trailing Stop!!

แล้วเจ้า Trailing Stop นี่ มีประโยชน์อย่างไร...สำหรับผมแล้ว ผมมองว่าถ้าหุ้นที่เราถืออยู่เป็นหุ้นดีเด่น สุโค่ย! คุณก็จะสามารถเกาะขบวนรถด่วนเหาะเวหาได้ยาวนานที่สุดครับ

เช่น...ต่อมาราคาหุ้น X ดีดจาก 11 บาท ไปถึง 15 บาท โดยระหว่างทางก็มีการย่อบ้างอะไรบ้าง แต่นักลงทุน P ก็ยังไม่ขาย เพราะจุด Trailing Stop ของนักลงทุน P อยู่ที่ 10% ของราคาปัจจุบัน
เพื่อให้ง่ายต่อการเห็นภาพ ผมเลยทำตารางง่ายๆมาให้ดูกันครับ

Stop Loss (Trailing Stop)
10%


จุดขายตัดขาดทุน (ทำกำไร)
P/L (%)
ราคาซื้อ
10
9
-10%




ราคาปัจจุบัน
11
9.9
-1%

12
10.8
8%
13
11.7
17%
14
12.6
26%
15
13.5
35%
20
18
80%

เห็นแล้วใช่มั๊ยครับว่า ถ้าคุณมีวินัยเทรดที่ดีเยี่ยม คุณมีจุด Stop Loss และ Trailing Stop ที่ดีแล้วนั้น คุณจะมี Limit Loss but unlimited gain หรือคุณจะกำหนดเงินที่คุณมีโอกาสเสียได้ แต่คุณก็จะมีโอกาสทำเงินได้มหาศาลเช่นกันครับ
ที่สำคัญคือ...

...จากจุด Trailing Stop ที่มีไว้เลื่อนจุดตัดขาดทุน...
...ก็จะกลายเป็นจุด Taking Profit ทำกำไรในทันที...

...แหล่มเลย...!!

ส่วนที่ผมกล่าวมาในบทนี้..นักลงทุนหลายๆท่านอาจจะนำไปประยุกต์ได้หลากหลายครับ...จุด Stop Loss และ Trailing Stop นั้น จะเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ก็ได้ ขึ้นอยู่กับความเสี่ยงที่นักลงทุนแต่ละท่านจะรับได้...
ถ้าคุณรับความเสี่ยงได้มาก...คุณก็เพิ่มเปอร์เซ็นต์ Stop Loss เพื่อที่ในกรณีที่คุณซื้อหุ้นถูกตัว...จุด Trailing Stop ของคุณก็จะมากขึ้นด้วย โอกาสที่คุณจะทำกำไรมหาศาลก็มีมากเช่นกัน...ถ้าหุ้นตัวนั้นวิ่งแรง วิ่งฉิว...เผลอๆได้กำไรมากกว่า 100% ก็เป็นได้...สาธุๆๆๆ อิอิ

ถ้าคุณรับความเสี่ยงได้น้อย...ก็ตั้งจุด Stop Loss น้อยๆ โอกาสขาดทุนหนักๆ ก็จะไม่มีครับ ส่วนโอกาสทำกำไร ก็คงต้องแล้วแต่สไตล์การวิ่งของหุ้นตัวนั้นๆครับ

...เห็นมั๊ยครับ...วิธีนี้ผมว่าเหมาะสำหรับนักลงทุนที่ไม่ถนัดกราฟน่ะครับ...ใช้ได้ง่าย ทำได้จริง แต่สุดท้ายแล้ว...อยู่ที่ว่า...คุณจะคุมอารมณ์ตัวเองได้หรือไม่ ในยามที่ราคาหุ้นวิ่งผันผวน แต่ยังไม่แตะจุดที่คุณต้อง Stop Loss หรือ Trailing Stop ไว้ครับ

ราตรีสวัสดิ๋คร้าบบ ^_^

Wizard Kid (พีร์ บุญชนะวิวัฒน์)


22:11 น.
1 สิงหาคม 2554