"7 เทคนิค ฟันกำไร หุ้นเดย์เทรด"

"7 เทคนิค ฟันกำไร หุ้นเดย์เทรด"
ติดตามความเคลื่อนไหวของหนังสือ "7 เทคนิค ฟันกำไร หุ้นเดย์เทรด" คลิ๊กโลดครับ

Thursday, September 30, 2010

เก็บตกงานสัมมนาสิงห์เดย์เทรด ตอนที่ 5 “ข้อคิดก่อนจาก ข้อเตือนก่อนลา” (One Night Stand Discussion #23)




 Wizard Kid: แต่น แตน แต่น แต๊น!!! มาที่สไลด์สุดท้ายกันเลยครับ สุดท้ายแว้ววว!!
ภาววิทย์: ดูหนุ่มพีร์จะตื่นเต้นเป็นพิเศษน่ะ สงสัยอยากจบการพูดเร็วๆแหงๆ เอิ๊กๆๆ
Wizard Kid: ไม่หรอกครับพี่ แค่เห็นใจพี่ๆที่ต้องมาทนฟังเด็กที่ไหนก็ไม่รู้ แค่นั้นเอง หุหุ
ป๋ากิ้ง: ฮั่นแน่.!! มันแอบน้อยใจเล็กๆน่ะเนี่ยะเจ้าพีร์! อย่าซีเรียส ลุยต่อโลดน้อง หนุกหนานๆ
Wizard Kid: โอเคครับ! สไลด์สุดท้ายผมก็จะขอพูดเรื่อง 

ข้อคิดก่อนจาก ข้อเตือนก่อนลา

Wizard Kid: ไหนๆ เราก็ได้รู้กันเรื่องหลักการเป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จแล้ว ผมก็ขอพูดเรื่องวิธีการรักษาความสำเร็จนั้นให้ยั่งยืนกันต่อเนื่องเลยครับ ง่ายๆครับ แต่ทำได้ยากมากถึงมากที่สุดครับ 

ภาววิทย์: ไหนๆ ลองพูดมาซิ พี่ว่าไม่ยากหรอก เหมือนที่พี่เบิร์ดชอบพูดว่า ก็ลองซิจ๊ะ น่ะจ๊ะ มันจะไปยากอะไร ทำไมไม่ลองดูซักทีหุหุ

Wizard Kid: แหม! พี่แพท มาแนวนี้ ผมก็ต้องรีบสนองแล้วครับ อิอิ
Wizard Kid: ข้อแรกเลยน่ะครับ นักลงทุนทุกคน ย้ำ! ว่าทุกคน! ก็คือ 

คุณต้องคิดเสมอว่าคุณคือ มนุษย์ธรรมดา
ป๋ากิ้ง: เอ่อ....ผมว่าตอนนี้เราก็เป็นมนุษย์ธรรมดาน่ะ..เอิ๊กๆๆ 

Wizard Kid: แหม..พี่ป้อมครับ ผมหมายถึง ในแง่ของนักลงทุนครับ เพราะจากประสบการณ์ทั้งทางตรงและทางอ้อมเนี่ยะ ผมมั่นใจเลยว่า มันจะมีจุดๆหนึ่งของการลงทุนที่เมื่อคุณทำกำไรได้เรื่อยๆหรือได้กำไรก้อนโต....แทบทุกคนจะเริ่มมีความคิดเข้าข้างตัวเองว่า เรานี่มันเซียน” “เรานี่มันเทพหรือ โอ๊ย! เล่นยังไงก็ได้แต่กำไร เก่งจริงๆตัวเรา
แน่นอนครับ ผมเองก็เคยผ่านจุดนั้นมาแล้ว ซึ่งผมก็ได้เรียนรู้ว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณคิดเช่นนั้น คุณก็กำลังเข้าใกล้จุดวิกฤติของการลงทุนครับ

ภาววิทย์: จุดวิกฤติของการลงทุน? มันจะแย่ยังไงน้อง ในเมื่อ ณ ตอนนั้น ทุกคนก็รวยๆกันแล้ว

Wizard Kid: คืองี้ครับพี่แพท มันคือจุดอันตรายสุดๆ เพราะเมื่อคุณอยู่ในภาวะที่ Over Confident หรือมั่นใจสุดขีดเนี่ยะ สิ่งที่คุณจะลืมหรือเสียมันไปแน่นอนก็คือ วินัยการเทรด นั่นเองครับ 

ภาววิทย์: เสียวินัยการเทรดยังไงรึ?

Wizard Kid: ก็จะเป็นแนวที่ว่า จากที่เคยควบคุมการลงทุนหรือการเทรดในแต่ละครั้ง เช่นจากที่เคยเทรดหุ้นครั้งแรกที่ 10% ของเงินลงทุน แต่เมื่อคุณอยู่ในภาวะมั่นใจสุดขีดถึงขีดสุด คุณก็อาจจะเปลี่ยนไปเทรดที่ 50% ของเงินลงทุนเลยก็ได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่อันตรายอย่างยิ่งเพราะ ถ้าเกิดคุณเลือกลงทุนผิดตัว แล้วหุ้นที่คุณเลือกมันเกิดเจอแรงขายลงแรงๆขึ้นมา คุณก็จะไม่กล้าคัทลอส ตัดขาดทุน เพราะคุณจะคิดว่า นี่มันเงินตั้ง 50% ของเงินลงทุนชั้นน่ะ ถ้าชั้น Cut Loss ไปแล้ว เงินก็จะหายไปเยอะเลย ไม่เอาแระ ถือไปดีกว่า เดี๋ยวมันก็คงกลับมาที่ราคาต้นทุนอยู่ดี
นี่แหล่ะครับคือจุดเริ่มต้นของจุดจบอย่างแท้จริง!!! เพราะคุณจะเริ่มย้านนิเวศณ์สถานของคุณจากบ้านหรูไฮโซ ไปอยู่กับชาวเขา บนดอย!!” หรือไม่ก็ หมดตัวได้เลยครับ พอเห็นภาพมั๊ยครับ?

ป๋ากิ้ง: อืม..แสดงว่าการที่มั่นใจสุดขีดเนี่ยะ มันก็จะทำให้คนเราขาดสติได้จริงๆน่ะเนี่ยะ

Wizard Kid: ถูกต้องที่สุดครับ ที่คนส่วนใหญ่หมดตัวในการเทรดเนี่ยะ เพราะขาดวินัยเทรด ขาดสติในการลงทุนครับ เมื่อมั่นใจมาก ก็จะโลภมาก แล้วลาภก็หายหมด!!

ทุกคน: T________________T” (น้ำตาซึม ไม่ใช่เพราะซึ้ง แต่เพราะแค้น เพราะเคยหมดตัวกันมาแทบทั้งนั้น เอิ๊กๆๆ ล้อเล่นค้าบบ)

Wizard Kid: ดังนั้นแล้ว จำให้ขึ้นใจน่ะครับว่า 

เราคือมนุษย์ธรรมดา ไม่ใช่เทพ ไม่ใช่เซียน
 มีผิดพลาดได้ มีได้ ก็มีเสีย เป็นของคู่กัน” 

Wizard Kid: ต่อเนื่องกันเลยครับกับข้อควรจำข้อที่สอง ก็คือ ยามที่คุณประสบความสำเร็จ คุณก็ 

 อย่าลืมรักษาอารมณ์ตอนทำกำไรติดๆกัน และจดจำความรู้สึกในยามที่คุณเจ๊ง

ป๋ากิ้ง: ฟังเหมือนจะเข้าใจน่ะ แต่ก็ยังงงๆ น้องพีร์หมายความว่าไงรึ?

Wizard Kid: อืม...เอาเป็นว่า มันก็คล้ายๆกับสัญชาติญาณการเทรดครับ เช่น เมื่อเราผ่านการเทรดมาทุกรูปแบบแล้ว ไม่ว่าจะขาดทุนเจ๊งบ๊ง กำไรบานเบอะ หรือเจอการสวิงๆของตลาดในทุกแนวแล้วเนี่ยะ เมื่อเราเจอตลาดแบบเดิมอีกครั้ง...มันก็คือ เดจาวู (Dejavu) ดีๆนี่เองครับ 

เพราะเราจะรู้ได้ทันทีว่า ลักษณะของตลาดแบบนี้ เราเคยเจอมาแล้ว แล้วมันเคยทำกำไรให้เราได้หรือมันเคยทำให้เราขาดทุนป่นปี้มาแล้ว...ดังนั้นแล้วเนี่ยะ การจดจำความรู้สึกเช่นนั้นไว้เสมอ ก็จะเป็นผลดีต่อตัวนักลงทุนเองครับ เพราะมันจะช่วยให้การเทรดของคุณดีขึ้นจนคุณเองก็ต้องตะลึง ตึง ตึง แน่นอน ^____^

ป๋ากิ้ง: Yes sir!! ทราบแล้วเปลี่ยนขอรับกระผม

Wizard Kid: มาที่ข้อสุดท้าย และเป็นบทสรุปของการเป็นวิทยากรของผมในวันนี้น่ะครับ ก็คือ 

ตลาดหุ้นไม่มีการเล่นที่ตายตัว ต้องกล้าที่จะยอมรับการเปลี่ยนแปลงเสมอ

ข้อนี้จริงยิ่งกว่าจริงครับ.. เพราะหากคุณมัวแต่ยึดติดกับอดีตแล้วเนี่ยะ คุณก็อาจจะหลอกตัวเองได้ครับ จริงอยู่ว่านักลงทุนรุ่นใหญ่ระดับเซียนหลายท่านมักจะพูดว่า “History Repeat Itself” หรือ อดีตย่อมหวนคืนมาอาจจะเป็นความจริงที่ผมก็ยอมรับว่าเป็นจริงเช่นกัน

แต่...! มันก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะเป็นเช่นนั้นเสมอ เพราะในยุคปัจจุบัน อะไรๆก็เป็นสิ่งแปลกใหม่ และพัฒนาไปในแนวโน้มที่แหวกแนวและล้ำหน้าไปเรื่อยๆ ดังนั้นแล้วเนี่ยะ ถ้าเรามัวแต่ยึดติดกับอดีตมากเกินไปแล้ว เราก็อาจจะพลาดสิ่งๆดีๆไปได้ครับ

ทุกคน: ฮิ้ววววว (ไอ้เจ้าเด็กคนนี้ มันพูดนอกเรื่องไปไกล เลยขอฮาหน่อย ฮ๋าๆ)

Wizard Kid: เหอๆ คืองี้ครับ สมมติว่า ราคาสูงสุดในอดีตของหุ้น A คือ 10 บาท แล้วหลังจากประสบปัญหาหนักๆ ไม่ว่าจะภายในและภายนอกบริษัทแล้วเนี่ยะ ราคาหุ้น A ได้ทิ้งดิ่งไปเหลือ 0.01 บาทเนี่ยะ...แล้วเราถามว่าถ้า History Repeat Itself แล้ว...ราคาหุ้น A จะกลับไปที่ 10 บาท หรือ 1 บาทได้หรือไม่? คำตอบคือ เป็นไปได้! แต่...ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ อาจจะเป็นรุ่นเหลนของคุณก็เป็นไปได้ครับ! ฮ่าๆๆ
ที่ผมอยากจะสื่อถึงก็คือ...รูปแบบการไหลของราคาของหุ้นแต่ละตัวนั้น อาจจะเหมือนหรือไม่เหมือนในอดีตก็เป็นไปได้ทั้งนั้นครับ ที่สำคัญคือ เราต้องหมั่นศึกษาข้อมูลใหม่ๆ รับรู้ความเป็นไปของตลาด ณ ปัจจุบัน และนำแนวโน้มในอนาคตมาวิเคราะห์แล้วย้อนกลับไปเปรียบเทียบกับเหตุการณ์ในอดีตว่ามันสอดคล้องกันหรือไม่...ถ้าใช่..ก็น่าลงทุนครับ แต่ถ้าไม่..แนะนำว่าให้ไปหาหุ้นตัวอื่นเล่นดีกว่าครับ แหะแหะ

สุดท้ายก็คือ...ตลาดหุ้นในปัจจุบันนั้น ได้พัฒนาไปอย่างก้าวไกลครับ มีเครื่องเทรดใหม่ๆ รูปแบบการรับข่าวสารหลายช่องทางรวมไปถึงการเปิดคอร์สอบรมสัมมนาให้ความรู้นักลงทุนกันอย่างกว้างขวาง ฉะนั้นแล้ว...ก็คิดเอาแล้วกันว่า จะอยู่นิ่งเฉย ปล่อยให้โอกาสในการเรียนรู้หลุดลอยไป หรือจะคว้ามันไว้ เพื่อที่เราจะได้ไม่เป็นกบในกะลา จะได้ทันคนอื่นครับ

ขอบคุณครับที่ให้โอกาสผมได้มาแชร์ไอเดียในวันนี้ รักน่ะ จุ๊บๆ ^__^

ทุกคน: แปะ แปะ แปะ แปะ แปะ ^____^
ป๋ากิ้ง: ขอบคุณน้องพีร์มากๆที่มาแชร์ประสบการณ์กันครับ งั้นก่อนจากพี่ขอถามหน่อยว่า เป้าหมายในชีวิตต่อจากนี้ คืออะไร?”

Wizard Kid: อืม...สำหรับผมน่ะ...อยากได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสุดยอดเทรดเดอร์ของเมืองไทย ระดับตำนานครับ แหะแหะ...
แต่...อยากเป็นเทรดเดอร์ในตำนานในด้านของการเป็น ผู้ให้ครับ

ป๋ากิ้ง: เป็นผู้ให้? ยังไงอ่ะน้อง
Wizard Kid: ก็อย่างแรกที่ผมภูมิใจมากๆก็คือ ผมได้เป็น ผู้ให้ความรู้ที่เกิดจากประสบการณ์ตรงของผมแก่พี่ๆ เพื่อนๆ นักลงทุนทุกท่านทั้งที่ในงานสัมมนาและในเว็บ stock2morrow ครับ
อย่างที่สองก็คือ...ผมวางแผนว่า ถ้าเกิดผมมีเงินในระดับที่ใช้ยังไงก็หมดเนี่ยะ สมมติว่า 100 ล้านบาทน่ะครับ (สาธุๆๆๆ ขอให้มีจริงๆเต๊อะ หุหุ)
ผมก็จะนำเงินส่วนนึง อาจจะซัก 20 ล้านบาท มาเปิดกองทุน เทรดเดอร์ให้น้อง น้องคืนสังคมครับ

ป๋ากิ้ง: กองทุนชื่อน่าสนใจน่ะ เป็นอย่างไร?

Wizard Kid: ผมก็คิดเล่นๆน่ะครับพี่ป้อมว่า แทนที่ผมจะเอาเงิน 20 ล้านไปสอยเฟอร์รารี่หรือแลมโบกีนี่ แล้วมีความสุขกับวัตถุอยู่คนเดียว ผมก็จะนำเงิน 20 ล้านไปให้ทุนการศึกษาแก่ผู้ที่มีความรู้ความสามารถแต่ขาดทุนทรัพย์ ให้เค้าเรียนในสิ่งที่เค้ารักให้ถึงที่สุด แต่ต้องอยู่ในเงื่อนไขที่ว่า เก่งอย่างเดียวไม่พอ ต้องเป็นคนดีต่อสังคมด้วย...

ยกตัวอย่างน่ะครับ...หากเค้าอยากเป็นตำรวจ ผมก็จะสนับสนุนให้เค้าเป็น แต่ต้องเป็นตำรวจที่ดี ไม่คดโกง ช่วยเหลือประชาชน (ขอให้ตำรวจไทยเป็นแบบนี้ทุกคนเต๊อะ)
หากเค้าอยากเป็นนักธุรกิจ ก็ต้องให้เค้าเป็นนักธุรกิจที่ไม่เห็นแก่ตัว ต้องเห็นแก่ส่วนรวมด้วย
หากเค้าอยากเป็นนักการเมือง ก็ต้องสอนให้เค้าเป็นนักการเมืองที่ใสสะอาด จริงใจที่จะช่วยเหลือประชาชน ไม่ทุจริตโกงกินแม้แต่เศษเสี้ยวของก้อนอิฐก้อนปูน  และกล้ายอมรับผิดต่อสิ่งที่ตนกระทำลงไป...พูดง่ายๆคือ ต้องเป็นลูกผู้ชายนั่นเองครับ

ป๋ากิ้ง: สุโค่ย!! 

Wizard Kid: อีกนิดครับ...เมื่อผมได้เป็นผู้ให้แล้ว...คนที่ผมให้โอกาสไป ก็ต้องเป็นผู้ให้ต่อๆไปครับ ถ้าทำได้ สังคมไทยก็จะไม่เป็นอย่างที่เราเห็นในทุกวันนี้ครับ สิ่งดีๆก็จะเกิดขึ้นครับ เชื่อผมเถอะ ทำดีกันต่อไป ให้ได้ก็ให้ เพราะการให้ที่ไม่หวังผลตอบแทนและให้อย่างไม่สิ้นสุด คือสุดยอดของความดีที่มนุษย์ควรกระทำครับ
ขอบคุณคร้าบบบบบ

ทุกคน: ฮิ้ววววววววววว แปะ แปะ แปะ ^______^

Wizard Kid (aka.เทรดเดอร์เจ้ากวี)
30 September 2010
23:40 น.

Monday, September 27, 2010

เก็บตกงานสัมมนาสิงห์เดย์เทรด ตอนที่ 4 “Value Investor หรือ Day Trader?” (One Night Stand Discussion #22)




Wizard Kid: มาต่อกันที่ Slide ที่สองกันเลยน่ะครับ หัวข้อสั้นๆ เข้าใจง่ายๆ แต่ทำไม่ง่ายเลยนั้นก็คือ การที่นักลงทุนไม่ว่าจะหน้าเก่าหรือหน้าใหม่ก็ตาม ที่ยังไม่รู้ว่าตัวเองเป็นเทรดเดอร์สไตล์ไหนกันแน่ ระหว่าง ถือยาวๆ รักนานๆ กินเนิบๆ อย่าง Value Investor หรือ ถือสั้นๆ รักข้ามคืน เสียวในวัน อย่าง Day Trader ครับ

ป๋ากิ้ง: อันนี้ผมเห็นกับน้องพีร์น่ะ ผมเห็นบางคนตอนแรกก็บอกจะเป็น Day Trade กัน สุดท้ายพอติดดอย ไม่มีวินัย ไม่กล้า cut loss ก็เปลี่ยนใจ บอกว่า ชั้นเป็น Value Investor ต่างหาก!!” 

Wizard Kid: เห็นด้วยกับพี่ป้อมครับ สำหรับผมแล้ว นั่นมันคือข้อแก้ตัวน้ำขุ่นๆเลย มันแสดงให้เห็นว่า คุณยังไม่พร้อมที่จะลงสนามตลาดหุ้น เพราะถ้าคุณขาดวินัยในการเทรดแล้วเนี่ยะ ยังไงต่อให้คุณโชคดีได้กำไรในไม้แรกๆ สุดท้ายคุณก็ต้องคืนทั้งหมดให้ตลาดอยู่ดี แถมจะเป็นในรูปแบบคืนทั้งดอกคืนต้องต้นทุนอีก...เจ๊งบ๊ง!!!

ภาววิทย์: สุโค่ยย...ว่าแต่ไม่ทราบว่าเพื่อนๆที่มาฟังกันวันนี้ใครเป็นสไตล์ไหนกันบ้าง ลองเช็คกันดีกว่าน้องพีร์

Wizard Kid: จัดไปครับพี่แพท....งั้น..พี่ๆครับ ใครเป็นนักลงทุนแนว Day Trade หรือ เก็งกำไรบ้างครับ
ผู้เข้าสัมมนา: \\^-^// (ยกมือกันพรึ่บ เต็มห้องเลย)

Wizard Kid: สุดยอดครับ ยกมือกันหมดเลย เหอๆๆ....แล้วมีใครเป็น Value Investor บ้างครับ
ผู้เข้าสัมมนา: ………..-___-……….  (บรรยากาศเปลี่ยนเป็นป่าช้าทันใดพลัน)
ภาววิทย์: ป๋มก๊าบบบบบ \\^-^//  (โอ้ววว...คนเดียวเลย PTT ไม่ 400 บาท ไม่ขายชิมิ หุหุ)
Wizard Kid: ข้าน้อยขอคารวะท่านพี่ ในฐานะ Value Investor คนเดียวของห้องนี้ สุโค่ย!!
ภาววิทย์: ^_____^ ยืนยันคำเดิมว่า PTT ไม่ 400 บาท ผมไม่ขาย หุ หุ

Wizard Kid: เอิ๊กๆ มาต่อกันเลยครับ วันนี้ผมก็ทำ slide ที่แบ่งลักษณะเทรดเดอร์ออกเป็น 2 แบบ ก็คือ Value Investor กับ Day Trader

ป๋ากิ้ง: แล้วพีร์แบ่งอย่างไรหล่ะ?
Wizard Kid: ก็แบบ คนที่เหมาะจะเป็น Value Investor เนี่ยะ ผมคิดดูแล้ว ต้องเป็นคนที่ ใจเย็น ทนทาน หลับได้ทุกสถานการณ์เป็นคนที่ ไม่ตื่นตระหนกง่าย แล้วก็ ชอบอ่านงบการเงินหรือเล่นกราฟระยะยาวครับพี่

ป๋ากิ้ง: ผมก็หลับง่ายน่ะ แต่ทำไม เห็นหุ้นสวิงแล้ว ใจมันสั่น ตุ้มๆ ต่อมๆ ทู้กทีเลยหล่ะ..
Wizard Kid: ป่อยยย!! มันคนละความหมายแล้วค้าบพี่ ผมหมายความว่า ต้องเป็นคนที่ไม่ค่อยสนใจการสวิงของราคาในวันครับ เพราะในเมื่อตัดสินใจลงทุนระยะยาวแล้วเนี่ยะ ก็ควรโฟกัสระยะยาวเช่นกันครับ พวกระยะสั้น ราคาแกว่งๆ สวิงๆ เนี่ยะ ปล่อยให้ สิงห์เดย์เทรดเค้าตื่นเต้นกันไปเถอะครับ
 ป๋ากิ้ง: แจ่ม แหล่ม สุโค่ย!!

ภาววิทย์: แล้ว Value Investor นี่ ควรจะใช้ Technical Analysis อยู่มั๊ยน้องชาย หรือไม่ต้องใช้ เพราะยังไงก็เล่นระยะยาว?
Wizard Kid: ผมยังเชื่อว่า ควรจะใช้ Technical Analysis หรือกราฟ เป็นเครื่องมือช่วยในการบอกราคาเข้าอยู่ดีครับ อย่างที่ผมได้บอกไปในเบรกที่แล้ว ว่าต่อให้หุ้นที่คุณเล็งไว้จะดีแค่ไหน แต่ถ้าราคา ณ ขณะนั้น มันสูงลิ่วเกินไป ก็ยังไม่ควรเข้าครับ ควรรอสัญญาณการเข้าซื้อใหม่ แล้วถือยาวไปเลยจะดีกว่า

ภาววิทย์: งั้นถ้าสมมติว่า พี่ใช้ MACD เป็นเครื่องมือในการเทรดเนี่ยะ พี่ควรดูกับกราฟระยะใดเหรอ?
Wizard Kid: ผมแนะนำให้ใช้ราย Month เลยครับ ฟันเฟิร์ม!!! (ไว้ผมจะอธิบายให้เห็นภาพในบทความต่อๆไปครับ)
ภาววิทย์: โอ้ว!! เลิศสะแมนแต่น จริงๆ!!

Wizard Kid: มาต่อกันที่ ลักษณะ Day Trader กันดีกว่าครับ...ก็ง่ายๆ คือ ตรงข้ามกับเหล่า Value Investor หมดเลยครับ ฮ่าๆๆๆๆๆ
ภาววิทย์: เอากันง่ายๆเลยรึน้อง งั้นพี่พูดต่อให้น่ะ Day Trader ก็จะเป็นพวก รักท้าทาย รักสนุก ไม่ผูกพัน ไหลตามน้ำแถมยัง ชอบการสวิงของราคาและ ไม่ชอบการถือข้ามวัน ไม่อยากมีสถานะข้ามคืนครับ
 Wizard Kid: ถูกต้องน่ะครับ!! แต่ที่อยากเพิ่มอีกอย่างคือ ชาว Day Trade ที่ดีนั้น ควรเป็นคน ช่างสังเกตุด้วยครับ

ป๋ากิ้ง: ช่างสังเกตุยังไงพีร์
Wizard Kid: ก็เนื่องจาก คนที่เป็น Day Trader เนี่ยะ ส่วนใหญ่ก็เล่นตามการไหลของ ticker หรือไม่ก็ดู Bid – Offer ของหุ้นตัวที่ชอบ ถูกมั๊ยครับ...ดังนั้นแล้ว การเป็นคนช่างสังเกตุเนี่ยะ ถือว่าสำคัญมากๆ เพราะถ้าหากมีอะไรที่แปลกๆ เกิดขึ้นในช่อง Bid หรือ Offer ช่องใดช่องนึงเนี่ยะ มันก็อาจจะบอกทิศทางการไหลของราคาของหุ้นตัวนั้นๆได้เลยครับ

ป๋ากิ้ง: แจ่มมั่ก!! แล้วเราจะรู้ได้ไงว่า Bid-Offer แบบไหน มันบอกหรือส่งสัญญาณอะไรบ้าง
Wizard Kid: ไม่ต้องคิดให้ปวดหัวครับ ประสบการณ์ล้วนๆครับ ถ้าให้เปรียบเทียบก็คงเปรียบได้กับ

การศึกษาหุ้นตัวใดตัวนึง ก็คล้ายกับการจีบสาวครับ ถ้าเราจีบเล่นๆ ขำๆ ตัวคุณเธอก็จะเล่นๆ ขำๆ กับเราด้วย สุดท้ายก็แยกทาง ไม่มีใครได้กำไรกลับไปเท่าไหร่ แต่ถ้าคุณรู้ทุกอย่างในตัวคุณเธอ ทั้งนิสัยใจคอ วิธีการขอคืนดี รวมถึงการชนะใจเธอแล้ว ต่อให้เกิดวิกฤติแค่ไหน คุณก็สามารถแก้เกมส์ได้หมด สุดท้ายคุณก็จะได้เธอมาเป็นคู่ครอง
หรือพูดง่ายๆคือ

ถ้าคุณรู้จักนิสัยของหุ้นที่คุณเล่นอย่างดีพอแล้ว ต่อให้เจ้ามือจะกวนโอ๊ย ป่วนราคาให้คุณกลัว ให้คุณคายของในพอร์ทคุณทิ้ง คุณก็จะรู้วิธีที่จะแก้เกมส์ได้ ทีนี้คุณก็จะกำไรแน่นอน!! ถึงขาดทุนก็ขาดทุนนิดหน่อยครับ
ทุกคน: ฮิ้ววววววว ^____^

To be continued…. พบกับตอนจบของงานสัมมนาโดย Wizard Kid ในบทความหน้าครับ

จะเดย์เทรด..หรือถือยาว..ก็เป็นได้..
ไม่เสียหาย..ขอให้เลือก..ที่คุณชอบ..
เชื่อตนเอง..เลือกตัวตน..ใช้ใจคิด..
ไม่มีพิษ..รวยได้แน่..ถ้าเลือกเป็น..

Wizard Kid (aka.เทรดเดอร์เจ้ากวี)
27 September 2010
23:00 น.

Sunday, September 26, 2010

เก็บตกงานสัมมนาสิงห์เดย์เทรด ตอนที่ 3 “เมื่อ Wizard Kid เผยเคล็ดลับที่ไม่ลับ ในการประสบความสำเร็จในการลงทุน ช่วงที่ 2” (One Night Stand Discussion #21)



Wizard Kid: มาต่อกันเลยน่ะครับ...อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญในการที่จะประสบความสำเร็จในการลงทุนนั้น ก็คือ มีอาวุธประจำตัว พี่ๆผู้ชายทุกๆท่าน อาจจะบอกว่าจะมีอีกทำไม ในเมื่อก็มีอาวุธประจำตัว ประจำกายกันทุกคนอยู่แล้ว....ตึ๊ง!!!! แหะแหะ ล้อเล่นครับ อย่าคิดลึกๆ ^__^
ภาววิทย์: ขนาดในงานสัมมนา มันยังปล่อยมุขเรื่อยราด ไม่เป็นที่ไม่เป็นทางอีก..ฮ่วยย!

Wizard Kid: ไม่ใช่สุนัขน่ะคร้าบบพี่แพท เหอๆๆ

Wizard Kid: อาวุธประจำตัวที่ผมหมายถึงเนี่ยะ ก็คือ เครื่องมือในการเทรดครับ ยกตัวอย่างเช่น Technical Analysis ถึงแม้คุณจะไม่ใช่คนที่เก่งกราฟ หรือคุณเป็น Value Investor แบบชนิดที่เรียกได้ว่า ชีวิตนี้ชั้นจะซื้อจะขายหุ้นก็ต้องขึ้นอยู่กับงบการเงิน ผลงานของบริษัทหรือแม้กระทั่งชื่อชั้นของผู้บริหารของบริษัทที่คุณต้องการจะถือหุ้นไว้ ผมก็ยังมองว่าการที่มี Technical Analysis เป็นเครื่องมือเสริมในการตัดสินใจ ย่อมจะทำให้คุณได้เข้าไปถือหุ้นในเวลาที่ถูกจังหวะ หรือที่เค้าเรียกว่า Good Timing ปิ้งปลาย่าง ทำนองนั้นครับ

ป๋ากิ้ง: แล้วทำไม Good Timing แล้วต้องปิ้งปลาย่างด้วยฟร่ะ!! ???
Wizard Kid: หุหุ ไม่เกี่ยวกันครับ แค่เห็นมาคล้องจอง ฮ๋าๆๆ
ทุกคน: -_________-’’

Wizard Kid: ไม่กวนติ่งแระครับ ต่อกันเลยดีกว่า ลองคิดดูน่ะครับ ถ้าพี่ๆ ทุกท่านรู้ว่าหุ้น A มันดี มันจะเป็น Super Growth Stock ในอนาคตแน่ๆ แต่จังหวะที่พี่เข้าไปซื้อมันเป็นช่วง Super Peak ของตลาดหรือตลาดที่ใกล้ถึงจุดสุดยอด ยอดสุดแล้วเนี่ยะ (ห้าม! คิดทะลึ่งน่ะครับ เอิ๊กๆๆ) สุดท้าย พี่ก็ต้องอยู่ในภาวะรักชาวเขาขึ้นมาทันทีแน่นอน นั่นก็คือ ติดดอย!! นั่นเองแหล่ะครับ 

ภาววิทย์: อ้าว แบบนี้มันหยามสไตล์เทรดแบบผมนี่ น้องพีร์!! พูดให้เคลียร์ๆ!!

Wizard Kid: ไม่ใช่แบบนั้นครับพี่แพท ใจเย็นๆ ใจร่มๆ ห่มผ้าหนาๆก่อนครับ
คือ ผมว่าถ้าเรามีเครื่องมือในการดูจังหวะที่เข้าซื้อขายเนี่ยะ ต่อให้เป็นหุ้นดีขนาดไหน จะถือได้เป็น 10 ปีหรือมากกว่านั้น ราคาที่เข้าซื้อก็มีผลต่อจิตวิทยาอยู่ดี เช่น พี่บอกว่า PTT กับ BANPU คือสุดยอดหุ้นของเมืองไทย แต่ถ้าพี่เข้าไปซื้อเมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว แถวๆราคา 500 – 700 บาทต่อหุ้นเนี่ยะ... แล้วเจอเปรี้ยงเดียว! กับวิกฤติเศรษฐกิจที่ผ่านมา ราคาหุ้นสองตัวนี้ร่วงดิ่ง ทิ้งแม่ม่ายไปที่ 150 – 180 บาทต่อหุ้น ถามว่าพี่เสียความรู้สึกมั๊ยครับ ถึงแม้ตอนนี้ราคาหุ้นสองตัวนี้กำลังฟื้นตัวมาอย่างร้อนแรง?
ป๋ากิ้ง & ภาววิทย์: ก็....อืม....นิดนึงน่ะ... T___T”

Wizard Kid: นั่นแหล่ะครับ ประเด็นของผมเลย มันเป็น Opportunity Cost ครับ หรือค่าเสียโอกาส โอกาสอะไร? ก็โอกาสในการได้ของดีราคาถูก ได้เพิ่มจำนวนหุ้น ดีกว่าได้ของดีราคาโคตรแพง ต้องนั่งดูเพื่อนๆได้กำไรเพิ่มขึ้นเท่าตัว ในขณะที่ตัวเองได้แต่นั่งดูการกระเตื้องของราคาทีละนิดทีละหน่อยเป็นเวลา 1-2 ปี โดยที่ทำอะไรไม่ได้ เนื่องจากเงินลงทุนแทบทั้งหมด จมอยู่กับหุ้นที่โคตรดี แต่ดันไปได้ในราคาที่โคตรแพง ในภาวะตลาดที่โคตร Peak
ภาววิทย์: เห็นด้วยก๊าบ...T___T”

ป๋ากิ้ง: แล้วน้องพีร์ มีเครื่องมืออะไรมาแนะนำพี่ๆกันบ้างหล่ะ ในฐานะที่เราเป็นแนวอ่านข่าวบ้างนิดหน่อย แต่เน้น technical analysis กับจิตวิทยาการลงทุน
Wizard Kid: ก็ที่ชอบเป็นการส่วนตัวจริงๆ ก็มี Gap Theory และ สามเหลี่ยมทองคำครับ (ตามที่เคยได้เขียนไว้ใน http://www.stock2morrow.com/showthread.php?t=15440 และ http://www.stock2morrow.com/showthread.php?t=15614 ) แล้วก็อาจจะมีเครื่องมือเสริมอื่นๆแล้วแต่ถนัดครับ ไม่ว่าจะเป็น Fibonacci Retracement, MACD, STOCASTIC หรือ RSI ครับ แล้วแต่ความชอบเลยครับ 

ภาววิทย์: แล้วหลักในการเลือกเครื่องมือการเทรดนี่ น้องพีร์เลือกยังไง?
Wizard Kid: เลือกไม่อยากเลยครับ เลือกให้เข้ากับสไตล์การเทรดของตัวเอง แล้วก็ไม่จำเป็นต้องไปเล่นตามคนอื่นครับ ช่วงแรกๆอาจจะหาเครื่องมือเทรดที่เหมาะกับสไตล์เทรดตัวเองยากหน่อย อย่างผมก็เล่นไปเรื่อยๆ ทดสอบบ่อยๆ แล้วเอามานั่งดูพร้อมกับตลาดจริงๆเลย กว่าจะเข้าที่เข้าทางก็ประมาณ 2-3 เดือนครับ
ภาววิทย์: นานไปมั๊ยน้อง? บางคนเค้าอาจจะท้อน่ะ บางคนก็คงถอยหนีไปแล้ว
Wizard Kid: นั่นแหล่ะครับคือ จุดอ่อนของนักลงทุนแทบทุกคนก็คือ ไร้ซึ่งความอดทน อะไรที่ต้องการ ต้องได้เดี๋ยวนั้นเลย และไม่ชอบอ่านและศึกษาด้วยตนเอง 

ป๋ากิ้ง: เพราะเหตุใดหล่ะ?
Wizard Kid: ผมมองว่าเป็นเพราะนิสัยรักความสบายครับ อะไรที่ลำบากๆเนี่ยะ มักจะไม่ทำหรอกครับ ทั้งๆที่บุคคลที่ประสบความสำเร็จทั้งหลายนั้น แทบทุกคนต้องผ่านช่วงเวลาที่เรียกว่า โคตรลำบาก แถมยังผ่านช่วงเวลาที่ล้มเหลว ล้มแล้วล้มซ้ำ ลุกแทบไม่ขึ้นมาทั้งนั้น แต่เมื่อเค้ายืนได้แล้วเนี่ยะ บุคคลเหล่านั้นมักจะนำช่วงเวลาที่ล้มเหลวผิดพลาดมาเป็นบทเรียนสอนตน และเค้าก็ไม่กลับไปผิดพลาดเช่นนั้นอีกเลยครับ เช่นเดียวกันกับสุดยอดนักลงทุนทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นสาย Value Investor หรือ Day Trading ไม่ใช่ว่านั่งอยู่เฉยๆ แล้วเค้าก็รวยกันเลยน่ะครับ มันต้องผ่านช่วงลองผิดลองถูกกันมาทั้งนั้นครับ เชื่อผมเถอะครับว่า 

การลงทุนที่จะประสบความเร็จนั้น มันก็ไม่ต่างอะไรจากการฝึกว่ายน้ำ คุณอาจจะมีจมน้ำบ้าง สำลักน้ำบ้าง เหนื่อยสายตัวแทบขาดบ้าง แต่เมื่อคุณว่ายได้ ว่ายจนชำนาญแล้วเนี่ยะ คุณก็จะไม่จมอีกแน่นอน

ผู้ชม: แปะ แปะ แปะ ฮิ้วๆ ฟิ้วๆ ^___^

Wizard Kid: มาต่อกันอีก 2 หัวข้อก่อนพักเบรกน่ะครับ อึดและถึกกับผมต่อน่ะครับ
หลังจากที่พี่ๆ ค้นหาตัวตน ค้นพบตัวเองจนเจอแล้วเนี่ยะ และมั่นใจว่ามีวินัยเทรดที่เพียงพอแล้ว รวมถึงมีเครื่องมือเทรดประจำกายแล้วเนี่ยะ สิ่งสำคัญต่อไปก็คือ การทำ Paper Trading หรือ การจำลองการเทรดกับตลาดจริงครับ 

ภาววิทย์: Paper Trading? ยกตัวอย่างมาจิ๊
Wizard Kid: ก็คือการเทรดโดยใช้เงินจำลองนั่นแหล่ะครับพี่ แต่ให้เราจดบันทึกการเทรดของเรา พร้อมทั้งเหตุผลที่เข้าซื้อและขายออก ในแต่ละครั้งไว้ด้วย ทำไปซัก 1-2 เดือน แล้วย้อนกลับมาอ่านเหตุผลทั้งหลายว่า เพราะอะไรคุณถึงทำกำไรได้ เพราะอะไรคุณถึงขาดทุน อาจจะฟังดูงี่เง่าไร้สาระน่ะครับ แต่เชื่อผมเถอะครับว่ามันได้ผลแน่นอน อย่างน้อยก็เป็นการฝึกให้คุณเป็นคนมีเหตุผล ไม่ใช้อารมณ์ในการเทรด
ภาววิทย์: แหล่มและแจ่มไปเลยน้องเอ๊ย!!

Wizard Kid: เรื่องสุดท้ายของสไลด์นี้ก็คือ Money Management ครับ เรื่องนี้เชื่อว่าพี่ๆทุกท่านคงได้ยินกันหูชา อ่านกันจนตาแฉะ จนชุ่มฉ่ำหัวใจกันไปเป็นแถวๆแล้วแน่ๆครับ ทำไมต้อง Money Management ด้วยหล่ะ? ไม่อยากเลยครับ เพราะถ้าคุณรู้ว่า การเล่นแบบไหนต้องใช้เงินเท่าไหร่จึงจะเหมาะสม ต้องมีจุดคัทลอส ตัดขาดทุนเท่าไหร่ คุณถึงจะเจ็บตัวไม่มาก และต้องใส่เงินไปเท่าไหร่ เมื่อหุ้นที่คุณซื้อกำลังมาถูกทาง ของแบบนี้ไม่ได้ฝึกกันง่ายๆน่ะครับ มันต้องผ่านการฝึกฝนทั้งจาก paper trading และประสบการณ์จริงครับ 

ป๋ากิ้ง: แล้วมีวิธีอื่นมั๊ยที่จะฝึก Money Management ให้ได้ดีโดยที่ไม่ต้องลงทุนในตลาดหุ้น

Wizard Kid: ก็พอมีครับพี่ป้อม ผมเคยเขียนใน S2M เรื่อง “One Night Stand Discussion #2 (ไพ่โป๊กเกอร์กับการบริหารหน้าตักการลงทุน)” (อ่านได้จากลิ้งค์นี้ครับ http://www.stock2morrow.com/showthread.php?t=14565 )

ป๋ากิ้ง: โอเค ซึ้ง!! งั้นผมขอถามพีร์คำถามนึงก่อนเราจะพักเบรกแล้วมาคุยต่อกันในช่วงหน้าน่ะ

Wizard Kid: จัดมา อย่าให้เสียครับพี่

ป๋ากิ้ง: พีร์เคยบอกผมว่า พีร์เคยเจ๊งหุ้นทั้งเงินของตัวเอง และของพี่สาว ประมาณ 8 แสนบาทตั้งแต่ 4-5 เดือนแรกที่พีร์เริ่มศึกษาตลาดหุ้นใช่มั๊ย

Wizard Kid: เอิ่มมม...ฮึก ฮึก...ใช่ครับพี่ T____T” แต่มันจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้วครับ ผมสัญญากับตัวเองไว้เช่นนั้น เพราะผมทุ่มเททุกอย่างให้กับชีวิตเทรดของผมไปแล้ว ที่เหลือก็รอแค่คืนเงินทุนให้ตัวเองและพี่สาวครับ แหะแหะ

ป๋ากิ้ง: งั้นผมขอถามว่า ระหว่างเสียหุ้นกับโดนแฟนด่าเนี่ยะ อันไหนพีร์รู้สึกเสียใจกว่ากัน

Wizard Kid: (คิดในใจ...มุขนี้มันมุขสดนี่หว่า ไม่ได้เตี๊ยมกันมาก่อนซะด้วย...ซวยแล้วตรู)

ป๋ากิ้ง: ว่าไงน้อง อย่าคิดนานจิ พี่มันพวกใจร้อน ใจเร็วน่ะ หุหุ

Wizard Kid: ก็สำหรับผมน่ะ

เสียหุ้นก็แค่เสียดาย แต่โดนแฟนด่า มันน่าเสียใจครับ

ป๋ากิ้ง, ภาววิทย์ และผู้เข้าฟังทุกท่าน: ฮิ้วววววววววววววววววววววววววววววววววววววว!!!!

 To be continued….

 มีอาวุธ..ประจำตัว..แสนดีนัก..

เป็นเครื่องมือ..ที่ล้ำค่า..ควรสรรหา..

เล่นสั้นยาว..ก็ควรมี..ติดตัวไว้..

ดีกว่าไร้..ซึ่งเครื่องมือ..มัวแต่เดา..^__^

Wizard Kid (aka.เทรดเดอร์เจ้ากวี)
26 September 2010
10:15 น.

Friday, September 24, 2010

เก็บตกงานสัมมนาสิงห์เดย์เทรด ตอนที่ 2 “เมื่อ Wizard Kid เผยเคล็ดลับที่ไม่ลับ ในการประสบความสำเร็จในการลงทุน ช่วงที่ 1” (One Night Stand Discussion #20)


วันสัมมนาจริง: วันเสาร์ที่ 18 กันยายน 2553
สถานที่: บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส ชั้น 15 อาคาร GMM แกรมมี่
เวลา: 9:00 – 12:30

หลังจากที่ทั้งสามหนุ่มคือ พี่เบิ้มอย่างพี่ป้อม เจ้าของฉายา Looking หรือป๋ากิ้ง (ไม่รู้จะมองใคร แฟนก็มีแล้ว แบบนี้ต้องเปลี่ยนเป็น ‘Standing’ เพราะคงได้แค่ยืนนิ่งๆ ทำอะไรไม่ได้แล้ว ฮ่าๆๆๆ) แล้วก็อีกสองหนุ่มอย่างหนุ่มภาววิทย์ สุดยอดเจ้าพ่อ blogger และข้อมูลการลงทุนของเมืองไทยคนใหม่ อีกทั้งพี่ Hedgehunter ที่มีประสบการณ์ด้านการลงทุนมาอย่างโชกโชน ได้พูดและแชร์ประสบการณ์ส่วนตัวของแต่ละคนจนเป็นที่ชื่นชอบของผู้เข้าร่วมสัมมนาทุกท่านแล้ว....

......แล้ว Wizard Kid หล่ะ.....ได้พูดหรือไม่? หรือแค่ไปนั่งเป็น wallpaper เหมือนที่เราเห็นกันในหมู่นักการเมืองบ้านเรา ฮ่าๆๆ 

ผมได้พูดครับพี่น้องครับ....แต่เป็นคิวสุดท้าย เนื่องจากป๋มหล่อที่สุด สูงที่สุด ที่สำคัญอ่อนที่สุดด้วย (ปัญญาอ่อนน่ะครับ ฮุๆๆ) เอิ๊กๆๆๆ มาเริ่มกันที่เรื่องแรกที่ผมได้พูดไปในวันนั้นกันครับ

ป๋ากิ้ง: เพื่อนๆนักลงทุนทุกท่านครับ วันนี้ผมยินดีที่จะแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกับ หนุ่มโฉด หน้าตี๋ มีดีที่อาวุธ.....ทางปัญญา (ฮั่นแน่ๆ คิดลึกกันไปเรียบร้อยชิมิครับ)...เจ้าของฉายาใน S2M อย่าง หนุ่ม “Wizard PIMP 9 inches classic!!!”
ผู้เข้าสัมมนา: กรี๊ดดดดดดด พี่นิกกี้ Pimp มาเองเหรอค่ะเนี่ยะ กรี๊ดๆๆ
ป๋ากิ้ง: โอ้ววววว ผมขอโทษครับ แซวเล่นครับ ชื่อของน้องคนนี้ คือ “Wizard Kid” ครับ
ผู้เข้าสัมมนา: ฮ่วยยยยยย!!! อ่ะๆ ไหนๆ ก็มาแล้ว ขอเจอหน่อยซิ

....ดนตรีบรรเลง...ตี๊ด ตือ ดืด ตื๊ด ตื๊ด ตื๊ด...

Wizard Kid: สวัสดีครับพี่ๆ นักลงทุนทุกท่าน ขอบคุณที่มางานสัมมนาวันนี้ครับ ผมชื่อ พีร์ น่ะครับ หรือนามปากกา “Wizard Kid” ในเว็บหรู และเด่นอย่าง stock2morrow ครับ

ป๋ากิ้ง: คืออย่างนี้ครับ น้องคนนี้เข้าทำงานเป็น Prop. Trade ให้กับ บริษัทหลักทรัพย์แห่งนึง แล้วนับเป็นโชคร้าย เอ๊ย! โชคดีของผมที่ได้รู้จักกับน้องเค้า หลังจากที่ได้คุยแล้วเนี่ยะ ผมว่าน้องเค้าเป็นคนที่น่าสนใจ หรือเป็นคนมีหนอง!! อุ๊บๆๆ มีของนั่นเองแหล่ะครับ ก็เลยชวนน้องเค้าให้มาเป็นวิทยากรรับเชิญ (แต่ผมขอเป็นถาวรจะได้บ่ครับป๋ากึ้ง หุหุ)
Wizard Kid: นับว่าเป็นเกลียด เอ๊ย! เป็นเกียรติอย่างมากครับที่ได้มาร่วมงานกับ S2M และได้มาเจอพี่ๆทุกๆท่าน ในวันนี้

ป๋ากิ้ง: แล้ววันนี้พีร์จะมาพูดเรื่องอะไรให้พี่ๆฟังกัน?
ภาววิทย์: สงสัยจะมาพูดเรื่อง การตัดสินสไตล์การเทรดจากการจีบสาวในผับแน่ๆ ฮุๆๆ

Wizard Kid: เออะ...ไม่ใช่แระครับพี่แพท...วันนี้ผมเห็นไหนๆ ผมก็เป็นเทรดเดอร์ที่เน้นสาย Day Trading แบบเน้นจิตวิทยาการลงทุนแล้ว...และก็ผ่านประสบการณ์ที่เรียกว่าต่ำสุดของ ชีวิตการเทรด ก็คือ เจ๊งบ๊ง! หมดตัวนั่นแหล่ะครับ...ก็เลยทำ presentation มา 3 แผ่น เพื่อที่จะแนะนำพี่ๆทุกท่านว่า การที่จะเป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จนั้น...เค้าทำกันอย่างไร...
ภาววิทย์: โห...น่าสนใจน่ะ...แต่เรื่องแบบนี้ ใครๆเค้าก็รู้กัน แล้วทำไมต้องมาพูดอีกหล่ะ...ไม่โดนใจวัยรุ่นเลย...วัยรุ่นเซ็ง!! Sick Duck เซ็งเป็ด จริงๆ ฮ่วย!!
Wizard Kid: ใจเย็นๆคร้าบ...อันนั้นมันแนววิชาการ น่าง่วงนอน ชวนให้หลับ...แต่แนวของผมเนี่ยะ...รับประกัน ตรงๆ แรงๆ เด็ดดวง ติดใจแน่นอนครับ เอิ๊กๆ...มาเริ่มกันเลยครับ กับ Slide แรก...






Wizard Kid: เริ่มกันเลยน่ะครับ ตามหัวข้อเลยว่า “ทำอย่างไรจึงจะประสบความสำเร็จในการลงทุน” ตามสไตล์ Wizard Kid น่ะครับ...อันนี้การันตีได้ว่า ถ้าทำได้ ยังไงคุณก็จะประสบความสำเร็จทั้งในการลงทุนและการใช้ชีวิตประจำวัน ครับ...คอนเฟิร์ม & ฟันธง ไม่มีฟันทิ้งแน่นอน หุหุ

ป๋ากิ้ง: สุโค่ยครับ...เชิญต่อเลยน้อง

Wizard Kid: ก็ตาม slide เลยครับ ว่า คุณต้องค้นหาตัวตน ค้นพบตัวเองให้เจอ คุณต้องรู้ว่าคุณชอบอะไร และถนัดอะไร อย่าไปเทรด อย่าไปโหนกระแสเล่นตามเค้าคนนั้นว่า เค้าคนนั้นบอก...ผมถามคำเดียวครับว่า...ถ้าพี่ๆ เกิดเจ๊งบ๊ง หมดตัวไม่เป็นท่าขึ้นมา...เค้าคนนั้นจะมารับผิดชอบมั๊ยครับ...รับผิดชอบมั๊ย ครับ?
ผู้เข้าสัมมนา: ม่ายยยยยยย....T______T

Wizard Kid: มันคือเรื่องจริงครับ...ต้องรับให้ได้...อย่าร้องไห้กันจิ หุหุ ที่ผมบอกให้ค้นหาตัวตนให้เจอเนี่ยะ ก้เพราะ เมื่อคนเรารู้ว่าถนัดอะไร เค้าก็มักจะทำได้ดีครับ
ภาววิทย์: ขอถามนิดนึงน้อง..แล้วการที่จะค้นหาตัวตนให้เจอเนี่ยะ ทำยังไงหล่ะ เพราะบางคนพยายามค้นหาตัวเองมาทั้งชีวิต แต่ก็ยังหาไม่เจอ มันยากน่ะ

Wizard Kid: อืม...มันก็จริงครับพี่แพท..แต่ผมอยากเปรียบเทียบว่า การค้นหาตัวตน มันก็คือการค้นหารักแท้ครับ...คุณอาจจะใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อค้นหามัน..ถ้า คุณเจอรักแท้แล้ว คุณก็ต้องตะลุยทุกอย่าง เพื่อให้ได้มันมา แล้วกำมันไว้ให้มั่น อย่าปล่อยให้มันหลุดลอยไป...แต่ถ้าคุณหาไม่เจอจริงๆ แต่คุณได้พยายามแล้ว ก็คิดซะว่า อย่างน้อย..ชีวิตนี้ก็ดีกว่าเกิดมาแล้วไม่ได้พยายามเดินทางตามหารักแท้ เลย...ไม่ต่างจากการค้นหาตัวตนของตัวเองเลยครับ...
ป๋ากิ้ง ภาววิทย์ และผู้เข้าสัมมนา: อ้วกกกกกกกกกกกก!! แหวะๆๆๆ เสี่ยวได้ใจ แต่โดนใจได้โล่ห์จริงๆน้องเอ๊ย เห็นภาพชัดเจน...แปะ แปะ แปะ

Wizard Kid: แหะแหะ...ผมยึดถือคตินี้ครับ...เมื่อเกิดมาแล้ว เราก็มีชีวิตแค่เพียงชีวิตเดียว..ยังไงซะ ก็ต้องกล้าที่จะลอง กล้าที่จะเปลี่ยน และทำตามความฝันของตัวเอง...คนเราครับ..ทำอะไรก็ต้องมีเป๊บซี่ในใจ เสมอ...เพราะ “เป๊ปซี เต็มที่กับชีวิต” ฮิ้วววว
ภาววิทย์: สุโค่ย! แต่ว่าพี่ชอบ “โค้ก” ว่ะ...^____^
Wizard Kid: -_____-’’ ผมแค่เปรียบเปรยครับพี่ แหะแหะ

Wizard Kid: อีกอย่างน่ะครับ ยังไงก็อยากฝากอีกเรื่องว่า พี่ๆนักลงทุนควรมีไอดอลการลงทุนครับ มีไว้เพื่อให้เป็นแรงบันดาลใจครับ แต่วิธีการเทรด ผมไม่แนะนำให้ทำตามไอดอลของพี่ๆ ทั้งหมดน่ะครับ เพราะจากประสบการณ์ทั้งของตัวผมเองและของพี่ๆคนอื่นๆนั้น...คนที่จะเป็นเทรด เดอร์ที่จะประสบความสำเร็จได้..คุณต้องเทรดโดยใช้วิธีการเทรดที่เหมาะสมกับ นิสัยของตัวคุณเองครับ...

ยกตัวอย่างน่ะครับ อย่างตัวผมเอง เป็นเทรดเดอร์สาย Day Trade ผมชื่นชอบเทรดเดอร์ดังๆหลายคนทั้งที่เป็นสาย Day Trade, Value Investor หรือแม้กระทั้ง Pure Technical Analysis แต่วิธีการเทรดของผม จะเน้นผสมปนเปกันไปให้เหมาะกับนิสัยผมเองครับ โดยที่จะเน้นเข้าเร็วออกเร็ว ตามอารมณ์ใจร้อน แต่จะกล้า let profits run ตามความกล้าของผม ใช้กราฟและดู Bid-Offer ตามนิสัยช่างสงสัยและช่างสังเกตุของผมเอง ซึ่งเมื่อมาผสมกันแล้วเนี่ยะ...มันทำให้ผมประสบความสำเร็จในการเป็น Prop Trade ในระดับนึงเลยครับ...

ถามว่าถ้าผมเปลี่ยนการเทรดของตัวเองให้ไปเหมือนกับคนที่เก่งกว่าเนี่ยะ ผมจะกำไรดีขึ้นมั๊ย..ก็คงต้องตอบว่า เป็นไปได้ยากครับ เพราะสุดท้ายแล้วผมก็เทรดสไตล์ที่ไม่ใช่สไตล์ที่ผมถนัดไม่ได้อยู่ดี...เชื่อ เถอะครับคุณแค่ต้องค้นหาตัวตน ค้นพบวิธีการเทรดของตัวคุณเอง แล้วนำจุดเด่นของคุณมาเป็นจุดแข็งในการลงทุน แค่นี้แหล่ะครับ คุณก็ประสบความสำเร็จได้

ทุกคน: แปะ แปะ แปะ....สุโค่ย เอาโล่ห์ไปเลยน้อง...
Wizard Kid: มันอาจจะต้องใช้เวลาน่ะครับ แต่ถ้าทำได้ มันก็คุ้มแก่การรอคอยครับ

...ขอตัวดื่ม M-150 ไปกรึ๊บนึง เนื่องจากง่วงนอนสะสมครับ แหะแหะ.....

Wizard Kid: มาต่อกันเลยครับ...ก็คือ “มีวินัย ยังไงก็ไม่จน” อันนี้คือสุดยอดเคล็ดวิชาการเทรดให้ได้ดีครับ...ถ้าคุณมีวินัย กล้าที่จะคัทลอส ยามที่คุณรู้ว่าผิดทาง ไม่ฝืนที่จะดื้อดึงถือต่อไป คุณก็ถือว่าเป็นเทรดเดอร์หรือนักลงทุนที่ดีอีกระดับนึงแล้วครับ ไม่ใช่แมงเม่าให้โดนเขย่าเล่น จนจิตตก ติดดอยอีกต่อไป

ภาววิทย์: สรุปว่า...วินัยการเทรดคือสิ่งสำคัญที่สุดใช่มั๊ยน้อง
Wizard Kid: ถูกเผง ตรงเป๊ะ เช้งกระเด๊ง เลยครับพี่แพท

ป้ากึ๊ง: แล้วมีวินัยเทรดเนี่ยะ เปรียบได้กับอะไรบ้างหล่ะ
Wizard Kid: อืม...ก็เปรียบได้กับ คุณมีคนรัก คุณรักเค้ามาก คุณสม่ำเสมอตลอด รู้ว่าเค้าชอบอะไร ไม่ชอบอะไร และรู้ว่าถ้ามีปัญหากันคุณต้องทำอย่างไร...นั่นคือคุณมีวินัยในความรักที่ ดี....แต่...ถ้าหากวันนึง คุณสองคนมีปัญหากัน แล้วคุณเองดื้อดึงที่จะเอาชนะให้ได้ ทั้งๆที่คุณก็รู้อยู่เต็มอกว่า ยิ่งดื้อยิ่งแย่ คุณก็ยังทำ เพราะคิดว่าคุณเหนือกว่าเค้า....สุดท้ายครับ...ขาดวินัยครั้งเดียว..คุณก็จะ สูญสิ้นทุกสิ่งที่คุณมีและเคยปราถนาที่จะได้ อย่างที่ไม่มีโอกาสได้แก้ตัวเลยครับ

ป๋ากิ้ง: เอ๊ะ! นี่คุณเอาประสบการณ์จริงมาเล่ารึเปล่าเนี่ยะคุณพีร์...ทำไมมันช่างเล่าได้ไหลลื่น ดุจดั่งพ่อปลาไหลได้ขนาดนี้
Wizard Kid: โหพี่ครับ ผมก็มั่วๆเอาครับพี่...

ภาววิทย์: มั่ว? คุณพีร์ คุณเป็นคนมั่วๆเหรอ...ระวัง HIV ถามหาน่ะ
Wizard Kid: ป๊าดดดดด...ไปกันใหญ่แล้วววว...ผมไม่ได้เป็นคนแบบนั้น ครับพี่ๆ อย่าเข้าใจผิด ผมชอบเที่ยวกลางคืน อันนั้นไม่เถียง แต่ผมไม่ได้ทำอย่างที่คิดน่ะครับ...ผมเป็นคนมีวินัยในความรัก จริงๆน่ะครับ หุหุหุ
ป๋ากิ้ง: ไม่เชื่อหรอก...ถึงว่าชื่อบทความถึงมีคำว่า “One Night Stand Discussion” แบบนี้นี่เอง เข้าใจกระจ่างแจ้งเลย
Wizard Kid: ฮ่วยยย!!

To be continued…ติดตามตอนต่อไป เมื่อกายพร้อม ใจสู้ สมองแล่นฉิว คร้าบบบบ

สัมมนานี้ความจริงพูดไม่เยอะครับ แต่เมื่อมาเขียนแล้วก็อยากจะให้ละเอียดๆ ได้ใส่อะไรที่ลืมพูดไปด้วยครับ อย่าซีเรียสกับเด็กอย่างผมน่ะครับ คิดซะว่าเด็กมันบ้า มันกล้าที่จะเพี้ยนครับ หุหุ

Wizard Kid (aka.เทรดเดอร์เจ้ากวี)
24 September 2010
00:40 น.