"7 เทคนิค ฟันกำไร หุ้นเดย์เทรด"

"7 เทคนิค ฟันกำไร หุ้นเดย์เทรด"
ติดตามความเคลื่อนไหวของหนังสือ "7 เทคนิค ฟันกำไร หุ้นเดย์เทรด" คลิ๊กโลดครับ

Sunday, November 28, 2010

มาดูแนวโน้มของตลาดหุ้นวันพรุ่งนี้กันครับ...จะพินาศวายป่วง อมยิ้มดี๊ด๊า หรือไม่มีอะไรเกิดขึ้น...? ไม่เกิน 12 ชม. รู้กัน!!! (One Night Stand Discussion # 38)


พรุ่งนี้เธอจะยังรักฉันไหม 
พรุ่งนี้เธอจะทำเพื่อฉันไหม 
พรุ่งนี้ พรุ่งนี้ จะเป็นอย่างไร 
ได้ไหม ให้ฉันได้มีเธออย่างเดิม

โอ๊ะๆ ขึ้นต้นด้วยเพลงเศร้าๆแบบนี้นี่ ไม่ได้หมายความว่าผมกำลังอกหัก รักคุด ชอบตุ๊ด หลงรักกระเทยน่ะครับ ฮ่าๆๆ

แต่เป็นเพลงที่ผมคิดว่า ท่านนายกสุดหล่อ คารมดีของใครหลายๆคนและสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ อยากจะร้องมากที่สุด ส่วนจะร้องให้กับใครนั้น....คิดกันเอาเองครับ ฮ่าๆ

ครับ อย่างที่ทราบกันดีว่าพรุ่งนี้จะเป็นวันตัดสินของคดีใหญ่ระดับบิ๊กคดีหนึ่งในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ซึ่งถามว่าผมตัดสินที่ออกมานั้น จะมีผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยมากแค่ไหน...

....มีแน่นอนครับ!!...

แต่ผมก็ไม่อยากให้วิตกกันจนเกินไปจนมองข้ามพื้นฐานของเศรษฐกิจโดยรวมของบ้านเราที่กำลังฟื้นตัวเป็นอย่างดีน่ะครับ...ถึงแม้พรรคใหญ่พรรคนี้ จะโดนยุบหรือไม่ก็ตาม ย่อมมีหุ้นบางวตัวที่ได้รับผลกระทบแน่นอนครับ ส่วนจะดีดแรงหรือทิ้งดิ่งนั้น ก็สุดจะคาดเดาครับ เพราะพูดไปก็เสี่ยงจะโดนไข้โป้ง จากไอ้โม่งเอาได้ เอิ๊กๆๆๆ

มาเข้าเรื่องกันดีกว่าครับ เนื่องจากผมเป็นเทรดเดอร์สายจิตวิทยาการลงทุนผสมนัวเนียและพัวพันกับการเล่นกราฟหรือที่เรียกกันเท่ห์ๆว่า Technical Analysis นั้น...ก็เลยอยากจะมาลองแชร์ไอเดียและมุมมองของตลาดหุ้นในวันพรุ่งนี้กันครับ โดยจะพยายามเอาการอ้างอิงจากกราฟหลายๆตัว หลายๆเวลามาดูกัน ว่าแนวโน้มจะเป็นเช่นไร (ย้ำ! น่ะครับ ว่าเป็นการคาดเดาทั้งสิ้น และเป็นการคาดเดาแค่วันเดียวเท่านั้น

เริ่มที่กราฟ SET ระยะ WEEK กันครับ (หนึ่งแท่งเทียน = หนึ่งอาทิตย์)



จะเห็นได้ว่า เครื่องมือแทบทุกตัวตัด signal เป็นขาลงหรือสัญญาณให้ขายกันหมดเป็นครั้งแรกตั้งแต่การเกิด BUY SIGNAL ครั้งล่้าสุดเดือน มิถุนายน 2553 เลยครับ ยกเว้นก็แต่...เจ้า EMA หรือ Exponential Moving Average นี่แหล่ะครับ ที่ทำท่าทำทางจะตัดลงอยู่ ค่อยมาลุ้นกันว่าจะตัดลงหรือไม่ในอาทิตย์ที่จะถึงนี้

มาเจาะลึกกันให้กรอบแคบลงดีกว่าครับ ที่กราฟ SET ระยะ DAY



จากกราฟของ SET ระยะ DAY ข้างบนเนี่ยะ จะเห็นได้ชัดเจนว่า เครื่องมือส่งสัญญาณทางเทคนิค ไม่อิงอาชีวะหรือเทคโนใดๆ ส่งสัญญาณเป็น SELL SIGNAL!! อย่างชัดเจนครับ ตั้งแต่ MACD, SLOW STOCHASTIC, EMA ที่พร้อมใจกันตัดเป็นขาลงกันหมด โดยเฉพาะเจ้า Exponential Moving Average เนี่ยะ ผมค่อนข้างเชื่อถือกับเครื่องมือตัวนี้เอามากๆ ที่ตัดลง ส่งสัญญาณเป็น SELL SIGNAL ตั้งแต่การเกิด BUY SIGNAL ที่ลากยาวมาตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 2553 ที่ผ่านมาครับ ถามว่าตลาดจะเป็นขาลงแล้วหรืออย่างไรคุณพีร์? ก็คงตอบว่า ไม่มีใครตอบได้ครับ ที่ตอบได้แน่ๆก็คือ ถ้าคุณเป็น system trader เทรดตามระบบ คุณก็ต้องขายล้างพอร์ท หรือไม่ก็ถือ short position ในตลาด TFEX ครับ...เพราะถ้าคุณเชื่อมั่นในระบบ คุณก็ต้องทำตามระบบ ทำตัวให้ไร้อารมณ์เข้าไว้ แล้วจะดีเอง (แต่บางเรื่องขืนไร้อารมณ์ ก็อาจจะแย่ขั้นหนัก ฮ่าๆ)

ที่สำคัญกว่านั้นและผมค่อนข้างเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งก็คือ กราฟระยะ Day ตอนนี้กำลังฟอร์มตัวในรูปแบบของ สามเหลี่ยมทองคำครับ...เห็นชัดเจนว่า ถ้า SET หลุด 975 – 980 จุดด้วยวอลุ่มขายหนักๆ และปิดตลาดโดยที่ไม่สามารถยืนเหนือ 980 จุดได้เนี่ยะ อันตราย!! เป็นอย่างยิ่งครับเพราะ แนวโน้มจากนั้นเป็นไปได้สูงว่า SET จะหลุดไปทดสอบและปิด gap เล็กๆตรง 937.21 จุดครับ...(ปิดได้หรือไม่ ไม่รับประกัน แต่รู้ไว้ก็ใช่เสียหายครับ อิอิ)

แล้ว SET จะกลับเป็นขาขึ้นอีกเมื่อไหร่? อันนี้ถ้าเป็นคนเทรดตามระบบ ก็คงต้องตอบว่าเมื่อ indicators แต่ละตัวตัด signal line ขึ้นอีกครั้งครับ...แต่ถ้าดูจากสามเหลี่ยมทองคำแล้ว ก็คงต้องดีดเป็นม้าให้ทะลุ 995 – 1010 จุดให้ได้อีกครั้งครับ ถึงจะเป็น bullish sentiment อีกครั้ง

ทีนี้เราลองมาดูเครื่องมือแต่ละตัวกันดีกว่าว่าเป็นอย่างไรกันบ้าง

MACD เส้น MACD ตัดศูนย์ เป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ก็ยิ่งกระตุ้นให้เด่นชัดว่า ตลาดกำลังอยู่ในช่วง Sell Period ใครใคร่ซื้อเก็บของ ก็ต้องหาจังหวะดีๆ ตลาดทิ้งแรงๆ เก็บของเอาก็ได้ครับ ส่วนขา short ก็อยู่ชิลๆ นั่งลุ้น เบา เบา ก็ได้ครับ ^__^

Slow Stochastic – กำลังจะลงมาทดสอบที่ระดับ 20% ซึ่งถือว่าเป็น oversold zone ครับ...แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าให้เตรียมซื้อหุ้นทันทีทันใด ต้องอิงอารมณ์ตลาด และปัจจัยหลายๆอย่างครับ

EMA – ก็เช่นกันครับ เป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือนที่ EM ตั้งแต่ period 5, 10 และ 25 ตัดลงพร้อมกันครับ (อะไรมันช่างโหดร้ายขนาดนี้ T__T”)

Bollinger Bands – ราคาหุ้นอยู่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของ BB ครับ โดยมีจุด BB Bottom หรือแนวรับที่ 970 จุดพอดีเด๊ะ (โหดร้ายอีกแล้ว)

จากข้อสรุปส่วนตัวน่ะครับ...SET ที่ 960-970 จุดน่าจะเป็นแนวรับใหญ่พอตัวครับ ดังนั้นแล้ว ถ้าหากตลาดมี panic sell อีกครั้ง แล้ว SET ร่วงมาบริเวณ 960-970 จุดเนี่ยะ อาจจะเจอแรงซื้อเก็งกำไรและแรงซื้อเพื่อหวังให้ SET รีบาวน์ได้ครับ

มาสรุปกันที่ SET ระยะ 30 นาทีกันครับ


อ้าววว!! เป็นไงหล่ะครับ ชาวขาขึ้นเริ่มมีความหวังขึ้นมาทีเดียวเชียว...ก็ SET เล่น break สามเหลี่ยมทองคำตัวเล็กๆได้เมื่อวันศุกร์ทีผ่านมา พร้อมทั้งการตัดขึ้นของ MACD, Slow Stochastic แต่ EMA ยังไม่ตัดขึ้นครับ....อีกอย่าง MACD ยังอยู่ต่ำกว่าศูนย์ จะให้ชัวร์ก็ต้องให้ SET ผ่าน 1005 จุดโดยประมาณเลยครับ ถึงจะเป็น bullish อีกครั้ง (ในความคิดผมน่ะ แหะแหะ)

ดังนั้นแล้วรูปแบบที่ผมขอคาดเดาเล่นๆ ที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ ก็น่าจะมี
1)   ตลาดหุ้นเปิดมา ก็ทิ้งดิ่งตั้งแต่แรกครับ อาจจะเปิดมาแถวๆ 980-985 จุดเลยก็เป็นไปได้ครับ จากนั้นก็เจอแรงขายอีกไม้นึง แล้วก็ค่อยๆดีดตัวกลับ มาทดสอบ high เดิมของวันศุกร์ที่ 990 – 991 จุดอีกครั้ง...

2)   เปิดตามอารมณ์ตลาดรอบโลกครับ แล้วเจอแรงซื้อ แรงขาย เหวี่ยงๆ สลับกันไปมาตลอดทั้งวัน โดยจะอาศัยความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับคดียุบพรรค เป็นตัวขับเคลื่อนให้ตลาดหุ้นเหวี่ยงกันรุนแรงได้เลยครับ อาจจะเกิด panic sell ก่อน จากนั้นก็ panic buy ตามมา...ตลาดแบบนี้ ขึ้นลง 50 จุดได้เลยน่ะครับ เป็นเรื่องธรรมดาครับ

ดังนั้นแล้วพรุ่งนี้หุ้นไทยจะแกว่งตามการอ่านคำตัดสินยุบพรรค ปชป.ผู้ที่รับความเสี่ยงไม่ได้อย่าเข้ามาแจมจะดีกว่าครับ แต่สำหรับนักเก็งกำไร จะเป็นวันที่ผันผวนสูง น่าตื่นเต้น ขึ้นๆลงๆ โอ้ว เยส เบบี้!! ฮ่าๆๆ ใครอยากแจมก็เชิญน่ะครับ ส่วนผมนั้น แทบรอไม่ไหวแล้ว เอิ๊กๆๆ ตลาดแรงๆ เดย์เทรดช้อบชอบ ^___^

Wizard Kid
28 Nov 2010
22:56 น.

Sunday, November 14, 2010

แฉ!! เทคนิคการหาจุดกลับตัว (Turning Point) ในวันตลาด Panic Sell สไตล์ Wizard Kid (One Night Stand Discussion # 37)


เป็นอย่างไรกันบ้างครับพี่น้องคอหุ้นทั้งหลาย โดยเฉพาะแนวฮาร์ดคอร์ทั้งหลาย (ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น ติ๋มๆไม่ ซาดิสม์ชอบ!! หุหุ) กับศุกร์สยอง โลกถล่มพายุกระหน่ำใส่ตลาดหุ้นไทย (วันศุกร์ที่ 12 พ.ย. 2010 เอ๊ะ! เลขมันแปร่งๆน่ะเนี่ยะ 12/11/10 บร๊ะเจ้า!! เหมือนรู้กันว่าต้องเอาวันเลขสวย หุหุ)

ก่อนอื่นเลย ผมไม่ขออธิบายกันเรื่องเหตุผลที่หุ้นร่วงจากจุดสุดยอด เอ๊ย! สูงสุดที่ 1055.25 จุดในที่ 10 พ.ย. 2010 ร่วงลงมา 50 กว่าจุดจนมาแตะระดับต่ำสุดที่ 999.48 จุด ในวันที่ 12 พ.ย. 2010 น่ะครับ...เนื่องจากผมเชื่อว่า ทุกอย่างที่ขึ้นลงในตลาดหุ้นนั้น ล้วนแล้วมีเหตุผลในตัวมัน ส่วนข่าวที่ออกมาก่อนหน้านั้น ว่าหุ้นลงเพราะนู่นนี่นั้น 

…..มันไร้สาระมากๆ!....

สังเกตุกันง่ายๆน่ะครับ หลังจากหุ้นร่วงแบบ Panic sell หรือขายไม่สนใจบ้านเมือเพราะข่าวลือนู่น ข่าวร้ายนี้แล้วเนี่ยะ แทบจะ 100% ครับ ที่วันต่อมาตลาดมักจะรีบาวน์กลับไปแทบจะจุดเดิมจากจุดที่มันตกมา... (คนโชคดีก็คือคนที่อ่านเกมส์ออก ตามเกมส์ทันครับ รวยๆกันไป คนที่ซวยก็คือเหล่าอาเฮีย ฮาซ้อที่ต่างขายหมูแบบยกแผง ยกเขียงนี่แหล่ะครับ หุหุ)

คิดแบบง่ายๆน่ะครับ รายใหญ่ตัวเป้ง ระดับบิ๊ก ไม่มีทางสวมบทเป็นผู้หวังดีแบบบอกข่าวฟรีแถมตังค์ด้วยหรอกครับ เพราะ...ถ้าเฮียแกไม่ขายของหมดแล้ว ก็คง Short Sell หุ้นลงมาหวังทำกำไรจากหุ้นขาลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว...

...ทำเช่นนี้ ถือว่าไม่ผิดครับ ถ้าหุ้นมันร่วงม้วนเดียวจบ!!....

แต่มันไม่ไหวจะเคลียร์มากๆเพราะดัชนีดันดีดกลับเป็นม้าดีดกะโหลก แทบจะกลับไปที่เดิมจากตุดที่มันตกมาซะด้วยซ้ำ...เมพขิงๆครับเหล่าอาเฮียทั้งหลาย!!

...ถ้าเช่นนั้นเราจะเอาตัวรอดและทำกำไรจากตลาด panic sell เช่นนี้ได้อย่างไร...?

ไม่ยากครับ...แต่ก็ไม่ง่ายที่จะนำมาใช้จริง ถ้าคุณขาดสองสิ่งที่นักลงทุนควรมีคือ สติและ ไหวพริบในการตัดสินใจ

ถ้ามีสองสิ่งที่ว่านี้ คุณก็สามารถหาจุดเปลี่ยนหรือ Turning Point ได้อย่างแน่นอนครับ

...งั้นเรามาดูกราฟก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุการ์ณหุ้นทิ้งดิ่งกันในวันที่ 11-12 พ.ย. กันน่ะครับ


กราฟที่นำมาให้ดูกันคือกราฟระยะ Day ครับ เป็นข้อมูลอัพเดทจนถึงวันพุธที่ 10 พ.ย. 2553 น่ะครับ เมื่อเรามาพิจารณากันดูแล้วจะเห็นได้ว่า SET ขึ้นไประดับ 1050 จุดรอบนี้ มีจุดอันตรายอยู่ 2 จุดครับ ก็คือ
จุดแรกก็คือ การมี Gap กระโดดเยอะเกินไป....เท่าที่มองเห็นชัดเจนก็มีถึง 4 จุดตามกราฟครับ...

อันตรายอย่างไร?

อันตรายสุดๆครับ!! เพราะเราสามารถมั่นใจได้เลยว่า เมื่อมีการเทขายกันแรงๆของตลาดหุ้นแล้ว โอกาสที่ดัชนี SET จะลงมาปิด gap ทั้งหมดนั้น มีสูงมากๆครับ ดังนั้นแล้วเนี่ยะ ตลาดที่มีลักษณะการทำกราฟและแท่งเทียนเช่นนี้ ถือว่าเป็นตลาดที่นักลงทุนควรจะระมัดระวังในการเทรดและมีวินัยในการเทรดอย่างสูงครับ

จุดที่สองก็คือ การสะสมของวอลุ่มซื้อขายที่พร้อมจะเคลี่อนไหวรุนแรง สังเกตุได้ชัดเจนครับว่า ตลาดตั้งแต่วันที่ 5, 8-10 พ.ย. 53 นั้น มีความพยายามที่จะดันให้ SET ทะลุและยืนเหนือ 1050 จุดให้ได้...แต่ทำไม่สำเร็จ และมีการปรับตัวลงมาประมาณ 10 จุด ทำให้เรามั่นใจได้ว่าแนวรับ-แนวต้านของตลาดแบบนี้ ต้องเป็นที่ 1040 และ 1050 จุดครับ...ถ้าดูกันดีๆจะเห็นว่ากราฟมันกำลังทำรูป สามเหลี่ยมทองคำครับ

เมื่อเราได้ข้อสรุปเช่นนี้แล้ว...เราควรจะเตรียมพร้อมและปฏิบัติตัวอย่างไร?...

ง่ายๆครับ
ถ้าทะลุแนวต้านก็ซื้อตาม แต่หากหลุดแนวรับก็ขาย

แต่ในกรณีนี้...มันหลุดแนวรับ...เราก็ควรขายซะ! เตรียมหาจุดเข้าซื้อใหม่ หรือผมให้นิยามว่า 

จุดเปลี่ยน เสียวหลุด ฉุดกระชาก รวยกระจาย!” 

อาจจะฟังดูติดเรท แต่เป็นการติดเรทแบบที่เด็กๆควรรู้เช่นกันครับ...เพราะมันทำเงินให้คุณได้ อิอิ....
เทคนิคการซื้อสวนตลาดที่กำลังลงแรงๆเนี่ยะ ถามว่ามันเสี่ยงมั๊ย...เสี่ยงครับ...แต่ถ้าเราสามารถค้นหาวิธีที่เข้าซื้อได้ถูกจังหวะแล้วเนี่ยะ...มันไม่เสี่ยงเลยแม้แต่นิดเดียว!! กลับกันคุณจะสามารถทำกำไรได้อย่างมากมายจากตลาดลักษณะนี้ครับ (ปีนึงมี 4-5 ครั้งให้ควานหาน่ะครับ หุหุ)

...ที่นี้...เมื่อเรามีความพร้อมและเตรียมตัวรับมือกับทุกสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้แล้วเนี่ยะ สิ่งเดียวที่เหลือก็คือ....รอให้เหตุการณ์มันเกิดครับ...

จนกระทั้งวันที่ 12 พ.ย. 2553 ที่ผ่านมา ตลาด panic sell ก็เกิดขึ้นครับ ขายกระหน่ำสุดๆ...ลองมาดูกราฟระยะ 5 นาทีกันครับ จะได้เห็นกันเต็มๆไปเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง


เห็นชัดเจนครับว่า เกิด Gap แรก ระหว่างราคาปิดของวันที่ 11 กับราคาเปิดของวันที่ 12 พ.ย. ครับ....แต่ด้วยแรงขายที่มหาศาล...ภาพที่เห็นจึงเป็นว่า SET ทิ้งดิ่งแบบเปิด gap อีกครั้งระหว่าง 1013 จุด กับ 1005 จุดโดยประมาณครับ...

แล้วนักลงทุนควรจะทำอย่างไร? เข้าซื้อสวนเลยมั๊ย?
.....อย่าเพิ่งครับ...!! 

ตามหลักจิตวิทยาการลงทุนสไตล์ผมแล้ว...แทบจะการันตีได้เลยว่า SET ต้องลงไปทดสอบแนวรับตัวพ่อที่ 1000 จุด (เหตุผลไม่ทราบ แต่มันต้องลงมา เพราะคนชอบ! ฮ๋าๆๆ)
และเมื่อ SET ได้ลงมาแตะ 1000 จุดจนสามารถหลุดได้แล้วเนี่ยะ..สิ่งที่เราควรทำคือ 

ลับมีดเตรียมเงิน กระหน่ำซื้อ หวังรีบาวน์” 

...เพราะเมื่อหลุด 1000 จุดแล้ว ย่อมเจอการซื้อพยุงตลาดไม่ให้หลุด 1000 จุดเช่นกันครับ (ตรงนี้แหล่ะครับ วัดใจกันไปเลยว่าใครจะเหนือกว่ากันระหว่างฝั่งซื้อกับฝั่งขาย)
สุดท้าย...SET สามารถยืนเหนือ 1000 จุดได้อย่างมั่นคง...

แต่...เราจะมั่นใจได้อย่างไรว่า SET จะยืนได้และรีบาวน์ดีดกลับได้หล่ะ?

....อันนี้ต้องอาศัย Bid-Offer และแรงซื้อหุ้นในกลุ่ม SET50 หรือ SET100 ครับ เช่น PTT PTTEP BANPU KBANK BBL SCB IRPC IVL…. 

แค่หุ้นกลุ่มนี้เริ่มมี BID ที่เติมหนาขึ้น และมีแรงซื้อกลับที่มากมายอย่างมีนัยสำคัญแล้วเนี่ยะ (รวบ offer หมดช่องอะไรประมาณนั้น) ก็สามารถทำให้เกิดจิตวิทยาการลงทุนในหมู่นักลงทุนทั้งหลายแล้วว่า “SET ไม่หลุดพันจุดแล้ว...จะกลัวอะไรหล่ะ ซื้อแมร่งเลย!!”

จุดนี้แหล่ะครับ...สติและไหวพริบในการตัดสินใจ จะเป็นตัวตัดสินว่า ใครจะซื้อได้เร็วกว่า เข้าได้ราคาที่ถูกกว่าและขายได้กำไรมากที่สุดครับ...

สำหรับตัวผมเอง..ผมใช้ gap theory เป็นตัวช่วย โดยมี volume ซื้อ และ bid-offer เป็นตัวหลักในการเข้า ซื้อสวนครับ...ตราบใดที่แรงซื้อกลับยังไม่หมด..ก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องให้ขายครับ..แต่เมื่อใดที่เริ่มมีแรงขายไม้ใหญ่ๆอีกครั้ง...นั่นแหล่ะครับคือจุดขายทำกำไร เชือดนิ่มๆกันไป หุหุ...ฟังเหมือนง่ายน่ะครับ แต่ทำจริงยากมากๆ ต้องผ่านร้อนผ่านหนาวมีประสบการณ์มาก่อน ที่สำคัญ สติต้องมั่นและจิตต้องไม่หวั่นไหวครับ...รับรองทำได้แน่นอน

...หลักการคร่าวๆก็มีเท่านี้แหล่ะครับ...

....ขอแค่เรารู้ตนเองว่าตัวเองเป็นเทรดเดอร์สไตล์ใด...มีวิธีการซื้อขายแบบไหน..และที่สำคัญคือคุณมีวินัยการลงทุนที่ดีขนาดไหน...แค่นี้คุณก็สามารถเอาตัวรอดจากตลาดได้แล้ว...แต่สิ่งเหล่านี้จะไม่มีทางเกิดขึ้นได้ ถ้าขาดการฝึกฝนที่สม่ำเสมอ...ขาดการเรียนรู้จากความผิดพลาดในอดีตที่เกิดขึ้น..และขาดวินัยในตัวคุณเอง...ต่อให้เงินหนาแค่ไหน...คุณก็หมดตัว!! แน่นอน!!

ปิดท้ายกันด้วยมุมมอง SET แบบขำๆน่ะครับ อย่าคิดมาก มาลองดูกราฟกันครับ

 
จะเห็นได้ว่า SET ยังไม่เสียทรงของตลาดขาขึ้นครับ (ที่ลงคราวนี้ ผมคิดว่าเป็นการปรับฐานอยู่ครับ)….เอาเป็นว่าโอกาสที่ SET จะขึ้นไปปิด gap ที่ 1030-1033 จุดนั้นน่าจะเกิดขึ้นในเร็วๆวันนี้ครับ (บอกไม่ได้ว่าวันไหน เพราะอนาคตคือสิ่งที่ไม่แน่นอน ใครรู้ก็เทพเกินไปแล้ว หุหุ

ส่วนจุดที่ต้องระวังเป็นพิเศษก็คือถ้า SET มีการไหลลงเรื่อยๆ และหลุดพันจุดอีกครั้งแบบมีวอลุ่มขายแรงๆเนี่ยะ มีโอกาสสูงทีเดียวครับ ที่จะปิด Gap บริเวณ 985 จุดครับ และถ้ายังไหลต่อเนื่องอีกเนี่ยะ แนวรับสำคัญก็น่าจะเป็นแถวๆ 970 จุดครับ...ถ้าหลุด+มีวอลุ่มขายแรงๆ แล้ว....เจอกัน 935-940 จุดกันเลยทีเดียวครับ (ปิด gap สุดท้ายนั่นเอง หุหุ)

ทุกอย่างที่อธิบายและคาดการณ์นั้น สามารถผิดพลาดได้น่ะครับ เพราะมันคือ technical analysis ไม่สามารถบอกเหตุการณ์ล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำ 100% แน่นอน...แต่ที่แน่นอนคือ มันสามารถเตือนสติเราได้ตลอดเวลาครับ ว่าจุดไหนคือจุดที่ควรระวัง จุดไหนคือจุดปลอดภัยครับ...
โชคดีมีชัย และ จงมีสติอยู่กับตน น่ะครับ ^___^

Wizard Kid
14 November 2010
23:24