"7 เทคนิค ฟันกำไร หุ้นเดย์เทรด"

"7 เทคนิค ฟันกำไร หุ้นเดย์เทรด"
ติดตามความเคลื่อนไหวของหนังสือ "7 เทคนิค ฟันกำไร หุ้นเดย์เทรด" คลิ๊กโลดครับ

Sunday, November 14, 2010

แฉ!! เทคนิคการหาจุดกลับตัว (Turning Point) ในวันตลาด Panic Sell สไตล์ Wizard Kid (One Night Stand Discussion # 37)


เป็นอย่างไรกันบ้างครับพี่น้องคอหุ้นทั้งหลาย โดยเฉพาะแนวฮาร์ดคอร์ทั้งหลาย (ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น ติ๋มๆไม่ ซาดิสม์ชอบ!! หุหุ) กับศุกร์สยอง โลกถล่มพายุกระหน่ำใส่ตลาดหุ้นไทย (วันศุกร์ที่ 12 พ.ย. 2010 เอ๊ะ! เลขมันแปร่งๆน่ะเนี่ยะ 12/11/10 บร๊ะเจ้า!! เหมือนรู้กันว่าต้องเอาวันเลขสวย หุหุ)

ก่อนอื่นเลย ผมไม่ขออธิบายกันเรื่องเหตุผลที่หุ้นร่วงจากจุดสุดยอด เอ๊ย! สูงสุดที่ 1055.25 จุดในที่ 10 พ.ย. 2010 ร่วงลงมา 50 กว่าจุดจนมาแตะระดับต่ำสุดที่ 999.48 จุด ในวันที่ 12 พ.ย. 2010 น่ะครับ...เนื่องจากผมเชื่อว่า ทุกอย่างที่ขึ้นลงในตลาดหุ้นนั้น ล้วนแล้วมีเหตุผลในตัวมัน ส่วนข่าวที่ออกมาก่อนหน้านั้น ว่าหุ้นลงเพราะนู่นนี่นั้น 

…..มันไร้สาระมากๆ!....

สังเกตุกันง่ายๆน่ะครับ หลังจากหุ้นร่วงแบบ Panic sell หรือขายไม่สนใจบ้านเมือเพราะข่าวลือนู่น ข่าวร้ายนี้แล้วเนี่ยะ แทบจะ 100% ครับ ที่วันต่อมาตลาดมักจะรีบาวน์กลับไปแทบจะจุดเดิมจากจุดที่มันตกมา... (คนโชคดีก็คือคนที่อ่านเกมส์ออก ตามเกมส์ทันครับ รวยๆกันไป คนที่ซวยก็คือเหล่าอาเฮีย ฮาซ้อที่ต่างขายหมูแบบยกแผง ยกเขียงนี่แหล่ะครับ หุหุ)

คิดแบบง่ายๆน่ะครับ รายใหญ่ตัวเป้ง ระดับบิ๊ก ไม่มีทางสวมบทเป็นผู้หวังดีแบบบอกข่าวฟรีแถมตังค์ด้วยหรอกครับ เพราะ...ถ้าเฮียแกไม่ขายของหมดแล้ว ก็คง Short Sell หุ้นลงมาหวังทำกำไรจากหุ้นขาลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว...

...ทำเช่นนี้ ถือว่าไม่ผิดครับ ถ้าหุ้นมันร่วงม้วนเดียวจบ!!....

แต่มันไม่ไหวจะเคลียร์มากๆเพราะดัชนีดันดีดกลับเป็นม้าดีดกะโหลก แทบจะกลับไปที่เดิมจากตุดที่มันตกมาซะด้วยซ้ำ...เมพขิงๆครับเหล่าอาเฮียทั้งหลาย!!

...ถ้าเช่นนั้นเราจะเอาตัวรอดและทำกำไรจากตลาด panic sell เช่นนี้ได้อย่างไร...?

ไม่ยากครับ...แต่ก็ไม่ง่ายที่จะนำมาใช้จริง ถ้าคุณขาดสองสิ่งที่นักลงทุนควรมีคือ สติและ ไหวพริบในการตัดสินใจ

ถ้ามีสองสิ่งที่ว่านี้ คุณก็สามารถหาจุดเปลี่ยนหรือ Turning Point ได้อย่างแน่นอนครับ

...งั้นเรามาดูกราฟก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุการ์ณหุ้นทิ้งดิ่งกันในวันที่ 11-12 พ.ย. กันน่ะครับ


กราฟที่นำมาให้ดูกันคือกราฟระยะ Day ครับ เป็นข้อมูลอัพเดทจนถึงวันพุธที่ 10 พ.ย. 2553 น่ะครับ เมื่อเรามาพิจารณากันดูแล้วจะเห็นได้ว่า SET ขึ้นไประดับ 1050 จุดรอบนี้ มีจุดอันตรายอยู่ 2 จุดครับ ก็คือ
จุดแรกก็คือ การมี Gap กระโดดเยอะเกินไป....เท่าที่มองเห็นชัดเจนก็มีถึง 4 จุดตามกราฟครับ...

อันตรายอย่างไร?

อันตรายสุดๆครับ!! เพราะเราสามารถมั่นใจได้เลยว่า เมื่อมีการเทขายกันแรงๆของตลาดหุ้นแล้ว โอกาสที่ดัชนี SET จะลงมาปิด gap ทั้งหมดนั้น มีสูงมากๆครับ ดังนั้นแล้วเนี่ยะ ตลาดที่มีลักษณะการทำกราฟและแท่งเทียนเช่นนี้ ถือว่าเป็นตลาดที่นักลงทุนควรจะระมัดระวังในการเทรดและมีวินัยในการเทรดอย่างสูงครับ

จุดที่สองก็คือ การสะสมของวอลุ่มซื้อขายที่พร้อมจะเคลี่อนไหวรุนแรง สังเกตุได้ชัดเจนครับว่า ตลาดตั้งแต่วันที่ 5, 8-10 พ.ย. 53 นั้น มีความพยายามที่จะดันให้ SET ทะลุและยืนเหนือ 1050 จุดให้ได้...แต่ทำไม่สำเร็จ และมีการปรับตัวลงมาประมาณ 10 จุด ทำให้เรามั่นใจได้ว่าแนวรับ-แนวต้านของตลาดแบบนี้ ต้องเป็นที่ 1040 และ 1050 จุดครับ...ถ้าดูกันดีๆจะเห็นว่ากราฟมันกำลังทำรูป สามเหลี่ยมทองคำครับ

เมื่อเราได้ข้อสรุปเช่นนี้แล้ว...เราควรจะเตรียมพร้อมและปฏิบัติตัวอย่างไร?...

ง่ายๆครับ
ถ้าทะลุแนวต้านก็ซื้อตาม แต่หากหลุดแนวรับก็ขาย

แต่ในกรณีนี้...มันหลุดแนวรับ...เราก็ควรขายซะ! เตรียมหาจุดเข้าซื้อใหม่ หรือผมให้นิยามว่า 

จุดเปลี่ยน เสียวหลุด ฉุดกระชาก รวยกระจาย!” 

อาจจะฟังดูติดเรท แต่เป็นการติดเรทแบบที่เด็กๆควรรู้เช่นกันครับ...เพราะมันทำเงินให้คุณได้ อิอิ....
เทคนิคการซื้อสวนตลาดที่กำลังลงแรงๆเนี่ยะ ถามว่ามันเสี่ยงมั๊ย...เสี่ยงครับ...แต่ถ้าเราสามารถค้นหาวิธีที่เข้าซื้อได้ถูกจังหวะแล้วเนี่ยะ...มันไม่เสี่ยงเลยแม้แต่นิดเดียว!! กลับกันคุณจะสามารถทำกำไรได้อย่างมากมายจากตลาดลักษณะนี้ครับ (ปีนึงมี 4-5 ครั้งให้ควานหาน่ะครับ หุหุ)

...ที่นี้...เมื่อเรามีความพร้อมและเตรียมตัวรับมือกับทุกสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้แล้วเนี่ยะ สิ่งเดียวที่เหลือก็คือ....รอให้เหตุการณ์มันเกิดครับ...

จนกระทั้งวันที่ 12 พ.ย. 2553 ที่ผ่านมา ตลาด panic sell ก็เกิดขึ้นครับ ขายกระหน่ำสุดๆ...ลองมาดูกราฟระยะ 5 นาทีกันครับ จะได้เห็นกันเต็มๆไปเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง


เห็นชัดเจนครับว่า เกิด Gap แรก ระหว่างราคาปิดของวันที่ 11 กับราคาเปิดของวันที่ 12 พ.ย. ครับ....แต่ด้วยแรงขายที่มหาศาล...ภาพที่เห็นจึงเป็นว่า SET ทิ้งดิ่งแบบเปิด gap อีกครั้งระหว่าง 1013 จุด กับ 1005 จุดโดยประมาณครับ...

แล้วนักลงทุนควรจะทำอย่างไร? เข้าซื้อสวนเลยมั๊ย?
.....อย่าเพิ่งครับ...!! 

ตามหลักจิตวิทยาการลงทุนสไตล์ผมแล้ว...แทบจะการันตีได้เลยว่า SET ต้องลงไปทดสอบแนวรับตัวพ่อที่ 1000 จุด (เหตุผลไม่ทราบ แต่มันต้องลงมา เพราะคนชอบ! ฮ๋าๆๆ)
และเมื่อ SET ได้ลงมาแตะ 1000 จุดจนสามารถหลุดได้แล้วเนี่ยะ..สิ่งที่เราควรทำคือ 

ลับมีดเตรียมเงิน กระหน่ำซื้อ หวังรีบาวน์” 

...เพราะเมื่อหลุด 1000 จุดแล้ว ย่อมเจอการซื้อพยุงตลาดไม่ให้หลุด 1000 จุดเช่นกันครับ (ตรงนี้แหล่ะครับ วัดใจกันไปเลยว่าใครจะเหนือกว่ากันระหว่างฝั่งซื้อกับฝั่งขาย)
สุดท้าย...SET สามารถยืนเหนือ 1000 จุดได้อย่างมั่นคง...

แต่...เราจะมั่นใจได้อย่างไรว่า SET จะยืนได้และรีบาวน์ดีดกลับได้หล่ะ?

....อันนี้ต้องอาศัย Bid-Offer และแรงซื้อหุ้นในกลุ่ม SET50 หรือ SET100 ครับ เช่น PTT PTTEP BANPU KBANK BBL SCB IRPC IVL…. 

แค่หุ้นกลุ่มนี้เริ่มมี BID ที่เติมหนาขึ้น และมีแรงซื้อกลับที่มากมายอย่างมีนัยสำคัญแล้วเนี่ยะ (รวบ offer หมดช่องอะไรประมาณนั้น) ก็สามารถทำให้เกิดจิตวิทยาการลงทุนในหมู่นักลงทุนทั้งหลายแล้วว่า “SET ไม่หลุดพันจุดแล้ว...จะกลัวอะไรหล่ะ ซื้อแมร่งเลย!!”

จุดนี้แหล่ะครับ...สติและไหวพริบในการตัดสินใจ จะเป็นตัวตัดสินว่า ใครจะซื้อได้เร็วกว่า เข้าได้ราคาที่ถูกกว่าและขายได้กำไรมากที่สุดครับ...

สำหรับตัวผมเอง..ผมใช้ gap theory เป็นตัวช่วย โดยมี volume ซื้อ และ bid-offer เป็นตัวหลักในการเข้า ซื้อสวนครับ...ตราบใดที่แรงซื้อกลับยังไม่หมด..ก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องให้ขายครับ..แต่เมื่อใดที่เริ่มมีแรงขายไม้ใหญ่ๆอีกครั้ง...นั่นแหล่ะครับคือจุดขายทำกำไร เชือดนิ่มๆกันไป หุหุ...ฟังเหมือนง่ายน่ะครับ แต่ทำจริงยากมากๆ ต้องผ่านร้อนผ่านหนาวมีประสบการณ์มาก่อน ที่สำคัญ สติต้องมั่นและจิตต้องไม่หวั่นไหวครับ...รับรองทำได้แน่นอน

...หลักการคร่าวๆก็มีเท่านี้แหล่ะครับ...

....ขอแค่เรารู้ตนเองว่าตัวเองเป็นเทรดเดอร์สไตล์ใด...มีวิธีการซื้อขายแบบไหน..และที่สำคัญคือคุณมีวินัยการลงทุนที่ดีขนาดไหน...แค่นี้คุณก็สามารถเอาตัวรอดจากตลาดได้แล้ว...แต่สิ่งเหล่านี้จะไม่มีทางเกิดขึ้นได้ ถ้าขาดการฝึกฝนที่สม่ำเสมอ...ขาดการเรียนรู้จากความผิดพลาดในอดีตที่เกิดขึ้น..และขาดวินัยในตัวคุณเอง...ต่อให้เงินหนาแค่ไหน...คุณก็หมดตัว!! แน่นอน!!

ปิดท้ายกันด้วยมุมมอง SET แบบขำๆน่ะครับ อย่าคิดมาก มาลองดูกราฟกันครับ

 
จะเห็นได้ว่า SET ยังไม่เสียทรงของตลาดขาขึ้นครับ (ที่ลงคราวนี้ ผมคิดว่าเป็นการปรับฐานอยู่ครับ)….เอาเป็นว่าโอกาสที่ SET จะขึ้นไปปิด gap ที่ 1030-1033 จุดนั้นน่าจะเกิดขึ้นในเร็วๆวันนี้ครับ (บอกไม่ได้ว่าวันไหน เพราะอนาคตคือสิ่งที่ไม่แน่นอน ใครรู้ก็เทพเกินไปแล้ว หุหุ

ส่วนจุดที่ต้องระวังเป็นพิเศษก็คือถ้า SET มีการไหลลงเรื่อยๆ และหลุดพันจุดอีกครั้งแบบมีวอลุ่มขายแรงๆเนี่ยะ มีโอกาสสูงทีเดียวครับ ที่จะปิด Gap บริเวณ 985 จุดครับ และถ้ายังไหลต่อเนื่องอีกเนี่ยะ แนวรับสำคัญก็น่าจะเป็นแถวๆ 970 จุดครับ...ถ้าหลุด+มีวอลุ่มขายแรงๆ แล้ว....เจอกัน 935-940 จุดกันเลยทีเดียวครับ (ปิด gap สุดท้ายนั่นเอง หุหุ)

ทุกอย่างที่อธิบายและคาดการณ์นั้น สามารถผิดพลาดได้น่ะครับ เพราะมันคือ technical analysis ไม่สามารถบอกเหตุการณ์ล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำ 100% แน่นอน...แต่ที่แน่นอนคือ มันสามารถเตือนสติเราได้ตลอดเวลาครับ ว่าจุดไหนคือจุดที่ควรระวัง จุดไหนคือจุดปลอดภัยครับ...
โชคดีมีชัย และ จงมีสติอยู่กับตน น่ะครับ ^___^

Wizard Kid
14 November 2010
23:24


No comments:

Post a Comment