"7 เทคนิค ฟันกำไร หุ้นเดย์เทรด"

"7 เทคนิค ฟันกำไร หุ้นเดย์เทรด"
ติดตามความเคลื่อนไหวของหนังสือ "7 เทคนิค ฟันกำไร หุ้นเดย์เทรด" คลิ๊กโลดครับ

Sunday, October 31, 2010

เลือกหุ้นก็เหมือนเลือกแฟน เลือกดีก็สบาย แต่จะตายถ้าเลือกผิด ตอนที่ 2 (One Night Stand Discussion # 34)

ทีนี้เรามาลองคิดขำ คิดแหวกแนวกันดูบ้างว่า ในชีวิตของเราที่ผ่านมาเนี่ยะ คุณมีแฟนแล้วกี่คน แล้วแต่ละคนนิสัยเป็นอย่างไร (สำหรับคนที่ไม่เคยมีแฟนเลยเนี่ยะ ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ เพราะ...คุณคือจุดอ่อน!! เชิญค่ะ! เอิ๊กๆๆ

แล้วถ้าเราลองนำลักษณะของหุ้นมาเปรียบกับนิสัยของแฟนกันดูหล่ะครับ

...จะมันส์แค่ไหน...

..ผมขออาสาเสี่ยงตายแทนชายไทยหญิงไทยทุกท่านมาลองวิเคราะห์กันดูน่ะครับ..หุหุ

หุ้นปันผล คือ แฟนที่มั่นคง อาจจะไม่ซาบซ่านตลอดเวลา แต่รักคงทนและยาวนาน
   
ถ้าจะเปรียบแฟนกับหุ้นปันผลแล้ว ถ้าคุณมีแฟนหรือหุ้นประเภทนี้อยู่ในชีวิตและพอร์ทการลงทุนของคุณแล้วหล่ะก็...

...ถ ถ ถู ถู ถูก ถูก ถูกต้อง น่ะคร้าบบบบบบ...!!!

คุณคือผู้โชคดีอย่างแท้จริงครับ....เพราะแสดงว่าให้เห็นว่าแฟนของคุณนั้นได้ผ่านการพิสูจน์มาแล้วว่าเป็นคนที่ดี เป็นคนที่เรียบง่าย คนที่นำความสุข และเป็นคนที่แบ่งปันสิ่งดีๆในชีวิต ที่สำคัญ!! ไม่ว่าจะผ่านวิกฤติชีวิตคู่มาขนาดไหน จะทะเลาะกันจนกราฟชีวิตคู่หล่นวูบติดดิน จะเย็นชาจนลืมทำการบ้าน (หุหุ) หรืออะไรก็แล้วแต่....

..สุดท้าย..คุณก็กลับมาดีกันเหมือนเดิม และรักกันยาวนาน Happily Ever After!! หุหุ

..เช่นเดียวกันกับหุ้นปันผลครับ..(เน้นแต่ตัวดีๆน่ะครับในกรณีนี้)

หุ้นปันผลส่วนมาก มักจะไม่ค่อยหวือหวานัก ถึงแม้จะมีบางครั้งที่หุ้นร่วงแรงเนื่องจากตลาดประสบปัญหาขาดทุน แต่สุดท้ายแล้ว มันก็จะกลับมาที่เดิม และจ่ายปันผลอย่างสม่ำเสมอให้กับผู้ถือหุ้น...เห็นมั๊ยครับ ถ้าคุณไม่โลภมาก ไม่หวังอะไรมากมายจากหุ้นประเภทนี้ คุณก็มีความสุขกับเงินที่คณได้รับอย่างสม่ำเสมอแน่นอน ถึงแม้จะไม่มากเท่ากับหุ้นปั่น (ถ้าคุณซื้อขายถูกตัว)
ดังนั้นแล้ว
หุ้นปันผลคือหุ้นที่เรียบง่าย คุณต้องใจเย็นและเข้าใจมัน
แฟนที่ดีก็มิต่างกัน คุณต้องเข้าใจและรักษาความสัมพันธ์ให้ยาวนาน

..แล้ววันนี้..
คุณรักษาความรักของคุณให้เหมือนกับที่คุณดูแลพอร์ทของคุณหรือยัง?..

หุ้นแนะนำ คนนี้บอกมา ก็ไม่ต่างอะไรกับคนที่เพื่อนแนะนำ ดีไม่ดีเดี๋ยวก็รู้

ข้อดีของหุ้นประเภทนี้ก็คือ คุณไม่ต้องไปขวนขวายค้นคว้าด้วยตัวคุณเอง เพราะมีคนศึกษาและค้นคว้าให้ตัวคุณแล้ว อาจจะเป็นจากนักวิเคราะห์จากหลักทรัพย์ชื่อดัง ไม่ก็ตามเว็บบอร์ดชื่อกระฉ่อน หรือจากคนใกล้ตัวคุณเองนั่นแหล่ะครับ แล้วคุณก็อาจจะซื้อตามๆกันไป ถ้าขายได้กำไรก็ดีไป แต่ส่วนใหญ่มักจะขาดทุนครับ (ผมโดนมาแล้ว คุณทั้งหลายก็คงเคยโดนมาเช่นกัน ฮ๋าๆๆ)

หุ้นประเภทนี้มันก็ไม่ต่างอะไรกับการ คลุมถุงชนหรือ เพื่อนแนะนำหรอกครับ เพราะคุณแทบจะไม่รู้ประวัติอะไรมากมายในตัวคนคนนั้น แต่คุณก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องแต่งงานหรือลองคบกันไปดู เพราะความเกรงใจในญาติผู้ใหญ่ (กลัวเสียคน ประมาณนั้น) คู่ไหนที่คบกันไปเรื่อยๆ แล้วคลิ๊กลงตัวกัน ก็ดีไปครับ แต่ส่วนใหญ่แล้วไซร้ มักจะไปไม่ถึงฝั่งฝันครับ

ก็เพราะ...คุณไม่ได้เลือกด้วยตัวคุณเอง!! แล้วคุณจะรักกันได้อย่างไร!! จบข่าว

หุ้นบอกต่อ ก็เสี่ยงดูได้ ซื้อถูกตัวก็กำไร ผิดตัวไซร้ ขาดทุนได้โลด
คลุมถุงชน ต้องโดนแต่ง ได้คนดีก็ดีไป ได้ตัวร้าย ซวยทั้งชาติ
..แล้ววันนี้..

คุณได้เลือกหุ้นหรือคนรักด้วยตัวคุณเองหรือยัง?...

หุ้นปั่นแรง รักสนุก ชอบหวือหวา ก็ไม่ต่างกับแฟนแสนซ่า เสียวทั้งวัน

หุ้นปั่นครับ หุ้นปั่น!! ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า วิ่งขึ้นลงกันกระจาย เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ชอบความตื่นเต้น กำไรได้นิดหน่อย แต่เสียที พี่ต้องหมดตัว ประมาณนั้น ฮ่าๆๆ..ล้อเล่นครับ เพราะคนที่ร่ำรวยมหาศาลจากหุ้นแนวนี้ก็มีเยอะ...แต่..ส่วนใหญ่จะเป็นเจ้ามือหรือไม่ก็ขาใหญ่ที่รู้วงในทั้งนั้นแหล่ะครับ รายย่อยอย่างเรา อย่างมากก็ได้ค่าขนม นอกจากจะฝีมือสุดขั้ว ถึงจะอยู่รอดจากหุ้นแนวนี้ได้ 

ถ้าคุณจะเก่งในหุ้นแนวนี้ คุณต้องรู้ว่าจังหวะไหนหุ้นจะดีด และจะดีดได้ถึง ได้นานแค่ไหน แล้วที่สำคัญต้องเก่งในการอ่านเกมส์ว่า เจ้ามือจะเทขายของ ณ เวลาใด ครับ เพราะตอนซื้อเนี่ยะ ไม่สำคัญเท่ากับตอนขายครับสำหรับหุ้นแนวนี้ หุหุ ที่สำคัญเลยคือ

คุณห้ามถือหุ้นประเภทนี้ไปตลอดชีวิต!! เพราะมันไม่ใช่หุ้นปันผล มันคือหุ้นปั่น!!!

คนรักของคุณก็ไม่ต่างครับ หากคุณได้คนที่มีลักษณะคล้ายกับหุ้นปั่นแล้วหล่ะก็..เหอๆ
...ชีวิตคุณจะมีแต่สีสัน ไม่ขาดรสชาติอย่างแน่นอน...

แต่ผมคนนึงหล่ะที่ไม่ขอเจอ ฮ่าๆๆ...เพราะคุณจะ เจ็บมากกว่า สุขน่ะซิครับ
ท้ายที่สุดแล้ว ไม่ว่าคุณจะเลือกหุ้นแบบไหน จะรักคนประเภทใด ก็ไม่ต้องซีเรียสน่ะครับ เพราะทั้งพอร์ทลงทุนของคุณและชีวิตรักของคุณ จะประสบความสำเร็จหรือไม่ จะอยู่กันยืนยงคงกระพันรึเปล่า

..มันก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะ หมั่นดูแล และ รักษาได้ดีเพียงใด...

...ก็เท่านั้นเองครับ..

Wizard Kid
30 October 2010
21:15 น.

เลือกหุ้นก็เหมือนเลือกแฟน เลือกดีก็สบาย แต่จะบ้าตาย ถ้าเลือกผิด!! ตอนที่ 1 (One Night Stand Discussion # 33)

ทำไมนักลงทุนส่วนใหญ่มักจะเลือกลงทุนในหุ้นแบบไร้เหตุผล เห็นคนอื่นเล่นก็เล่นตาม เห็นคนนั้นบอก คนนี้บอกก็แห่ตามกันซื้อ สุดท้ายก็เจ๊ง เพราะมีแต่คนบอกว่าเข้าซื้อได้ แต่ไม่มีใครบอกว่าให้ขายออกเวลาใด
..เหตุการณ์เหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน ถ้านักลงทุนเหล่านี้ใช้วิธีการที่เรียกว่า

เลือกหุ้นให้เหมือนกับเลือกแฟน

อ่าวว..อย่าเพิ่งหัวเราะไปน่ะครับ แล้วคุณจะตะลึงว่ามันคือเรื่องจริงที่คุณต้องขนลุก แล้วอาจจะต้องกลับไปถามตัวคุณเองว่า 

คนที่คบกันอยู่เนี่ยะ คือคนที่ใช่สำหรับคุณหรือมั๊ย

เช่นเดียวกันครับ คุณก็ย่อมจะกลับไปดูพอร์ทการลงทุนของตัวคุณเองอีกครั้งว่า

หุ้นที่คุณลงทุนไปนั้น คือหุ้นที่ใช่หรือไม่

และถ้าคุณคิดอย่างนี้ได้ในทุกครั้งที่คุณจะซื้อหุ้นเนี่ยะ โอกาสแทบจะเป็นศูนย์เลยครับ ที่คุณจะขาดทุนจากหุ้นตัวนั้น นอกเสียจากว่า คุณเลือกผิดเอง!!

...บางคนอาจจะแย้งว่า เลือกแฟนเนี่ยะ มันยากกว่าเลือกหุ้นอีกน่ะคุณพีร์ ฮ่าๆๆ อันนี้ผมเห็นด้วยครับ งั้นเรามาดูกันดีกว่าว่า จะเลือกหุ้นให้เหมือนเลือกแฟนเนี่ยะ ต้องทำอย่างไรกันบ้าง...

ดูพื้นฐานหุ้นให้เหมือนสืบประวัติแฟน

-      ถ้าคุณพยายามศึกษาและค้นคว้าข้อมูลพื้นฐาน ข้อมูลสำคัญๆของหุ้นที่เค้าสนใจให้เหมือนกับตอนที่คุณจีบแฟนใหม่ๆเนี่ยะ คุณก็ต้องรู้ว่าหุ้นตัวที่คุณเลือกเนี่ยะ เป็นหุ้นลักษณะใด ใครเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เป็นหุ้นมีวอลุ่มและสภาพคล่องที่ดีมากน้อยเพียงใด มีรอบการเล่น (Life Cycle) แบบไหน และมีปัจจัยอะไรบ้างที่มีผลต่อราคาหุ้นตัวนั้น ไม่ต่างอะไรกันครับกับการสืบประวัติแฟนของคุณ เพราะคุณก็ต้องรู้ว่าคนที่คุณจะจีบเนี่ยะเป็นลูกเต้าเหล่าใคร เป็นคนนิสัยเช่นใด เป็นคนที่ป๊อบปูล่าห์ขนาดใด (เพื่อเช็คสภาพคล่องในการเข้าถึงและความยากง่ายต่อการจีบ หุหุ)

-      ศึกษาให้แน่ชัดว่าหุ้นตัวที่คุณจะซื้อนั้นมีจ่ายปันผลหรือไม่ มี P/E (Price/Earning), P/BV (Price/Book Value) และ ROE (Return of Equity) ที่ดีแค่ไหน อันนี้เหมาะสำหรับนักลงทุนแนวถือยาวหรือ Value Investor น่ะครับ ถ้าเปรียบกับการเลือกแฟน ก็ให้คิดว่าคนที่คุณจะเลือกมาใช้ชีวิตคู่ด้วยกันเนี่ยะ เมื่อเค้ามาเป็นคู่ของคุณแล้วเนี่ยะ แฟนของคุณจะให้คุณหรือโทษต่อชีวิตคุณมากกว่า เมื่อใช้ชีวิตคู่ด้วยกันระยะยาวแล้วเนี่ยะ ความรักจะยังเหมือนเดิมหรือไม่

ยกตัวอย่าง P/E ratio น่ะครับ อันนี้ให้ดูได้จากตอนรักแรกเริ่มก่อนว่า มูลค่าที่คุณตีไว้สำหรับแฟนคุณ (Price) สูงมากน้อยเพียงใด ซึ่งปกติก็ต้องสูงสุดลิ่วแน่นอน (แหงหล่ะ ก็คนมันตกหลุมรักนี่เนอะ หุหุ) ส่วนผลตอบแทน (Earning) ย่อมไม่สูงนักเนื่องจากคุณยังเพิ่งคบกัน ยังต้องดูกันอีกซักระยะนึง ซึ่งจะทำให้ P/E สูงมากๆ แต่คุณก็กล้าเสี่ยง แต่พอเวลาผ่านไป 2-3 ปี หากความรักของคุณยังดีเยี่ยม Price ของแฟนก็ต้องสูงเหมือนเดิม  ที่เพิ่มขึ้นก็คือ Earning ของความสุขและความเข้าใจกันที่มากขึ้น เมื่อ Price สูงเท่าเดิม แต่ Earning สูงมากขึ้น ย่อมทำให้ P/E ต่ำแน่นอน ซึ่งตามหลักแล้ว P/E ต่ำ หุ้นตัวนี้ก็ยิ่งน่าซื้อน่าถือครับ เป็นแฟนก็แปลว่า ยิ่งควรคบต่อไปครับ แหะแหะ (มันโยงเข้าไปได้ไงหว่า)

จับทิศทางราคาหุ้นให้เหมือนกับรู้จักอารมณ์ของแฟน

-      อันนี้จริงยิ่งกว่าจริง!! ถ้าคุณประยุกต์การทำราคา การไหลของราคาและวัฐจักรการทำรอบราคาของหุ้นแต่ละตัวหรือหุ้นที่คุณชอบ ให้เหมือนกับการที่คุณเข้าใจอารมณ์ของแฟนคุณว่า ตอนนี้น่ะเค้ากำลังอารมณ์ดี อารมณ์เสีย หรืออารมณ์ผันผวน (โดยเฉพาะคุณผู้หญิงทั้งหลายเวลาวันนั้นของเดือนมา คุณผู้ชายห้ามขัดใจ!! ไม่งั้นจะโดนตัดใจแน่นอน เอิ๊กๆๆ) ถ้าคุณทำได้เนี่ยะรับรองครับว่า คุณจะจับจังหวะการเล่นได้ว่า เวลาไหนหุ้นกำลังจะขึ้น เวลาไหนหุ้นกำลังเทขายทิ้ง ที่สำคัญน่ะครับ!! อย่า!! อย่าเด็ดขาด!! กับการไปซื้อหุ้นในช่วงขาลงเต็มตัว อาจจะไม่เห็นภาพ แต่ลองนึกภาพตามน่ะครับ....ถ้าแฟนคุณกำลังอารมณ์เสียสุดขีดถึงขีดสุดเนี่ยะ แล้วคุณปล่อยให้เค้าระบายอารมณ์ (คล้ายๆกับตอนหุ้นกำลังทิ้งดิ่งแรงๆ) จนมาถึงจุดๆนึงที่คุณคิดว่าเค้าอารมณ์ดีแล้ว (คิดว่าหุ้นลงมาจนถึงจุดต่ำสุดหรือ bottom point) คุณก็เข้าไปแหย่ ไปหยอกล้อ ไปนู่นไปนี่ เพราะคิดว่าเค้าหายโกรธแล้ว....มันก็ไม่ต่างอะไรกับการที่คุณไปซื้อหุ้นหลังจากที่มันทิ้งดิ่งลงมาสักพักแล้ว...

..คำเดียวครับ...ซวยยยย! แน่นอนครับ!!!...

เพราะว่าแฟนคุณจะหงุดหงิดเพราะคิดว่าคุณไม่ใส่ใจเค้า หนอยแน๊ะ!! คิดว่าแค่นี้ชั้นจะหายโกรธรึ!! ฮึ่มๆๆ!! เพี๊ยะๆๆ ตุ๊บๆ ตั๊บๆ!! #$@%#%&

...ตายเกลี้ยงแน่นอนครับ เละ!!...

ไม่ต่างจากหุ้นเลยครับ คุณเข้าไปซื้อตอนมันลงแรงๆ เพราะคิดว่าราคาจะดีดกลับไปที่เดิม ที่ไหนได้ครับ เจ้ามือหลอก!! ขายทิ้งอีกชุดใหญ่!!

...สุดท้ายแล้ว...หากไม่ขายตัดขาดทุน ก็ต้องติดดอยยาวครับ...

..คุณจะต้องรอให้หุ้นดีดกลับไปใหม่ อาจจะต้องใช้เวลาอีกเป็นอาทิตย์ เป็นเดือน หรือเป็นปี ก็แล้วแต่นิสัยของหุ้นตัวนั้น...

..ไม่ต่างอะไรกับอารมณ์โกรธของแฟนคุณครับ ว่าจะหายเมื่อไหร่ บางคนแป๊บเดียวหาย บางคนกว่าจะหายก็เป็นวัน เป็นอาทิตย์ หรือทนไม่ไหวจริงๆ ก็เลิกกันไป แต่ส่วนใหญ่ก็เลิกไม่ได้เพราะ

ตัดขาดทุนว่ายากแล้ว แต่ตัดใจจากเธอ มันยากยิ่งกว่า

ฮิ้ววววววว!!!

To be continued!!

Wizard Kid
31 October 2010
16:30 น.

Saturday, October 30, 2010

จงมีสติอยู่กับตัว รับรองชัวร์ ไม่เจ๊งเอย (One Night Stand Discussion #32)

เชื่อแน่ว่าทุกคนต้องเคยประสบพบเจอกับอาการที่เรียกว่า สติแตกอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นตอนเด็กเอ๊าะๆ ที่ต้องสติแตกเมื่อเจอของที่อยากได้แต่ไม่ได้มา เพราะคุณแม่ไม่ซื้อให้ ช่วงวัยรุ่นที่ต้องสติแตกเมื่อโดนแฟนทิ้ง เมื่อทำรายงานไม่ทัน ทำข้อสอบไม่ได้ จนถึงวัยทำงานที่คุณต้องสติแตกเมื่อเจองานที่ไม่ใช่ เจ้านายที่ไม่ชอบ เพื่อนร่วมงานที่ไม่ปลื้ม จนคุณอยากจะสาปให้คนเหล่านั้นหายไปจากชีวิตคุณ สุดท้ายก็วัยไม้ใกล้ฝั่ง ที่ต้องสติแตกจิตหลุดกันเต็มๆ เพราะอะไรๆที่เคยทำได้ ก็กลายเป็นว่าไม่สามารถทำได้อีกแล้ว โจ๊ะ โจ๊ะ โอ๊ะ โอ๊ะ หุ หุ...

...แล้วเมื่อเรา สติแตกและ จิตหลุดเนี่ยะ...
....อะไรๆที่คิดว่าง่ายๆ ก็กลายเป็นยากไปซะหมดครับ...
...ยากมากๆ จนคุณต้องคิดว่า ทำอะไรก็ผิดที่ผิดทาง เลือกขาวกลายเป็นดำ เลือกดำกลายเป็นขาวไปซะหมด...ยิ่งเป็นแบบนี้เรื่อยๆ ซ้ำๆ บ่อยๆ หากคุณคุมสติไม่อยู่หล่ะก็...
..ชีวิตคุณจบเห่!! เจ๊งบ๊ง!! เด็ดสะมอเร่ เท่งทึง!! อย่างแน่นอนครับ..

นักลงทุนในตลาดหุ้นและเทรดเดอร์ก็เช่นเดียวกัน หาก สติแตกในระหว่างการเทรดแล้วหล่ะก็...หากคุณไม่หมดตัวก็เกือบเจ๊งอย่างแน่นอน!! 

เทรดเดอร์รุ่นพี่ที่ผมนับถือที่สุดคนหนึ่งมักจะคอยย้ำกับผมเสมอว่า อาชีพเทรดเดอร์นั้น ถึงแม้รายได้จะดีแค่ไหน จะทำเงินได้มากเพียงใด แต่ท้ายสุดแล้ว ถ้าเราไม่มีสติเมื่อไหร่ กำไรที่ทำมาก็จะหายไปหมดภายในไม่กี่นาทีอย่างแน่นอน

ดังนั้นแล้วไซร้..

จงมีสติอยู่กับตัว

..อาจจะฟังดูง่าย แต่ยากยิ่งต่อการทำครับ..

แต่.ผมมีวิธีมาเสนอครับ เผื่อจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย ก็คือ 

1.    การเขียนโน้ท แปะไว้ที่หน้าจอเทรดหุ้นของตัวเองว่า จงมีสติอยู่กับตัว

2.    บันทึกอาการจิตหลุด ที่เคยเกิดขึ้นกับตัวคุณเอง ที่คุณพอจำได้ว่าก่อนที่อาการ จิตหลุดของคุณจะเกิดขึ้นนั้น มีสิ่งใดได้เกิดขึ้นบ้าง เช่น หายใจเร็ว หายใจถี่, เหงื่อแตกพลั่กๆ, นั่งไม่นิ่ง นั่งสั่นขาเร็วๆ ไปจนถึงการทำลายข้าวของใกล้ตัว จริงๆแล้วอาการของเทรดเดอร์สติแตกนั่นจะมีหลากหลายครับ แต่ถ้าคุณรู้ว่าอาการเหล่านั้นเกิดขึ้นได้เพราะสาเหตุใดแล้วหล่ะก็ ให้คุณอ่านบันทึกอากาจิตหลุดของคุณอีกครั้ง และควบคุมมันให้ได้ ก่อนที่มันจะควบคุมตัวของคุณก็เท่านั้นเอง

3.    หยุดเทรด นี่คือวิธีที่ดีที่สุดครับ เมื่อรู้ตัวว่าจิตหลุด สติแตกแล้วเนี่ยะ ให้หยุดการส่งคำสั่ง หยุดคิดที่จะเทรดไปเลยจะดีที่สุดครับ เพราะเวลาที่สติแตกเนี่ยะ อาการหน้ามืดจะครอบงำ สมาธิจะขาดหาย การตัดสินใจจะแย่ลงขั้นสุดขีด ดังนั้นแล้ว

หยุดเทรดแล้วไปล้างหน้า ดื่มวีต้าแล้วไปนอนซะ

4.    นั่งสมาธิ เดินจงกลมไม่เชื่ออย่าลบหลู่น่ะครับ นี่คือสุดยอดการลบล้างอาการ สติแตกที่ผมพิสูจน์มาแล้วว่ามันได้ผลจริงๆ เพราะการกำหนดลมหายใจเข้าและออกทุกครั้งเนี่ยะ มันจะช่วยให้เรารู้ตัวเองว่ากำลังทำอะไรอยู่ครับ เช่นเดียวกัน ระหว่างที่คุณเทรดนั้น คุณต้องรู้ว่าคุณกำลังจะทำอะไร จะซื้อหุ้นตัวไหน เพราะอะไร จะขายทำกำไรเพราะอะไร จะตัดขาดทุนเพราะอะไร ฯลฯ

ดังนั้นแล้ว คุณจำเป็นต้องรู้ว่าและเตือนตัวเองอยู่ตลอดเวลาว่า อะไรที่จะช่วยให้คุณมี สติอะไรที่จะช่วยให้คุณ กลับมามีสติขึ้นอีกครั้ง เพราะในช่วงเวลาที่ดีของคุณในการเทรดนั้น การมี สติอาจจะไม่สำคัญมากเท่ากับในช่วงเวลาแย่ๆของการเล่นหุ้นที่ สติคือสิ่งสำคัญที่สุดที่คุณต้องเรียกกลับคืนมาให้ได้เป็นอันดับแรก

...แล้วเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องนั้น เค้าทำอย่างไรกันบ้าง?....

เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จนั้น คือคนที่สามารถที่จะควบคุม สติ
ไม่ว่าจะในสถานการณ์ที่เขามีกำไรหรือขาดทุน
และมี สติอยู่ตลอดเวลา

เพราะการมี สตินั้น ถือว่าเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยในการควบคุมอารมณ์การเทรดและการตัดสินใจไม่ให้ จิตหลุดในระหว่างการเทรดหุ้น 

ที่สำคัญยิ่งก็คือ..เทรดเดอร์ที่ดีนั้น สามารถเล่นหุ้นได้ตามระบบที่ดี ไม่ว่าจะต้องเจอกับช่วงเวลาเลวร้ายเพียงใดก็ตาม และถึงแม้เขาเหล่านั้นจะเกิดขาดทุนขึ้นมา เทรดเดอร์ก็จะเข้าใจว่ามันเป็นสิ่งที่ต้องเกิดขึ้นเป็นของธรรมชาติครับ


มีสติ..ไม่สิ้นใจ..ไม่ขาดทุน
มีสตางค์..ไม่สิ้นทุน..ไม่ขาดใจ
ขาดสติ..จิดหลุดลอย..ซวยแล้วไง
ต้องบรรลัย..หมดตัวเจ๊ง..ไม่น่าเลย


Wizard Kid
30 October 2010
15:59 น.

Thursday, October 21, 2010

อย่าระห่ำ ท้าทายเจ้ามือ!! เพราะคุณจะกลายเป็น “เจ้าเฝ้าหุ้น” (One Night Stand Discussion #31)


นักลงทุน: โอ้ว! หุ้น A ตัวนี้นี่ เริ่มมีอาการว่าจะวิ่งแรงน่ะเนี่ยะ นั่นไง!! มาแล้วๆๆ วิ่งจาก 0.50 บาท ไป 0.55 บาทแล้ว...สงสัยจะไปถึง 0.60 บาทแหงๆ ไหนๆ ขอเข้าไปแจมหน่อยซิ เอาขำๆซัก 15,000,000 หุ้นที่ราคา 0.56 บาทเลยดีกว่า ไม่กี่ล้านบาทเอง ชิลๆ สำหรับเราอยู่แล้ว วันนี้จะได้มีค่าขนมไปฝากลูกซะหน่อย...

(สมมติว่านี่คือราคา BID – OFFER ของหุ้น A น่ะครับ)


ทันทีที่นักลงทุนรายนี้ทำตัวเปรี้ยวริจะซื้อหุ้นคนเดียวหมดช่อง หรือว่า ทำตัวเป็นเจ้ามือซะเองนั้น ราคาของ หุ้น A ก็จะเปลี่ยนเป็นแบบนี้ครับ

BID

OFFER
6,000,000
0.56

0.57
12,000,000
20,000,000
0.55

0.58
19,000,000
15,000,000
0.54

0.59
15,000,000
10,000,000
0.53

0.60
30,000,000
9,000,000
0.52

0.61
7,000,000

เท่ากับว่านักลงทุนรายนี้ได้ซื้อหมดช่องที่ราคา 0.56 บาท..ไปจำนวน 9 ล้านหุ้น แล้วก็ยังเหลืออีก 6 ล้านหุ้นที่ตั้งรอให้มีคนมาขายอยู่ที่ราคา 0.56 บาท ที่ช่องเสนอซื้อ (BID)

แต่เชื่อหรือไม่ครับว่า...แทนที่หุ้นตัวนี้จะวิ่งต่อไป 0.57, 0.58…ไปจนถึง 0.60 บาท หรือมากกว่านั้นตามหลักที่มันควรจะเป็น

...มันกลับไม่เป็นอย่างนั้นซิครับ...

นักลงทุน: (ยังไม่รู้ตัว....แล้วกดปุ่ม enter ส่งคำสั่งไป) เฮ้ย!!! $#$^$#$^@&^&^ เกิดอะไรขึ้นได้ ไม่น่ะ ไม่น่ะ ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!! 

ฮั่นแน่!! สงสัยหล่ะซิว่าเกิดอะไรขึ้นกับอาเฮียคนนี้...

เฉลยกันเลยดีกว่า....

เพราะหลังจากนั้นอีก 5-10 วินาที...ราคาเสนอซื้อและราคาเสนอขาย (BID-OFFER) ของหุ้น A เป็นแบบนี้ครับ

BID

OFFER
50,000
0.55

0.56
40,000,000
200,000
0.52

0.57
19,000,000
100,000
0.50

0.58
15,000,000
400,000
0.47

0.59
30,000,000
90,000
0.46

0.60
7,000,000

ตะลึงกันเป็นไก่ตาแตกทันที!!! อย่าลืมน่ะครับว่านี่คือหุ้นปั่น ไม่ใช่หุ้นพื้นฐาน คุณมีหุ้น 15 ล้านหุ้นที่ราคา 0.56 บาท...แต่ราคาไม่วิ่งต่อ แล้วมีการถอดคำสั่งเสนอซื้อ (BID) ออกจนเหลือแค่ช่องละไม่กี่หมื่นหุ้นแบบนี้...ผมบอกได้คำเดียวครับ..

...เตรียมลาสุนัขบวข ลาแมวเหมียวตายได้เลยครับ T___T”…

แล้วทำไมนักลงทุนรายอื่นถึงถอดช่อง BID ออกจนเกือบหมด แล้วราคาที่ตั้งก็สุดแสนจะน่าเกลียดแบบนั้นหล่ะ?

...ก็เพราะเจ้ามือเค้าไม่ยอมให้หุ้นวิ่งลิ่วไปต่อน่ะซิครับ...อยู่ดีๆมีคนซื้อหมดช่อง 15 ล้านหุ้น..เจ้ามือก็ต้องเช็คของกับพรรคพวก แล้วก็รู้มาว่าไม่ใช่คนในกลุ่มที่ซื้อไม้ใหญ่ไม้นี้...ถ้าเกิดเจ้ามือกลุ่มนี้ใจดี เค้าก็คงไม่ว่าอะไร อาจจะดันหุ้นต่อ..

แต่ส่วนใหญ่แล้วไม่ใช่แบบนั้นซิครับ..

ตามกฏของหุ้นซิ่งหุ้นปั่น..เมื่อคุณทำตัวเก๋าซื้อขายหุ้นในปริมาณที่มากเกินควร..เจ้ามือมักจะไม่ยอมให้ราคาวิ่งต่อน่ะครับ กลับกันเจ้ามือจะเริ่มเทขายหุ้นและบีบให้คุณขายหุ้นที่คุณซื้อไปจนหมด หลังจากนั้นก็จะวิ่งต่อครับ ไม่คุณขายตัดขาดทุนก็จะขายหมูกันเป็นแถบๆ
นักลงทุนหรือเทรดเดอร์ขาซิ่งบางท่านอาจจะบอกว่า ไม่เป็นไร พี่ถือได้ ยังไงมันก็ต้องขึ้นอยู่ดี ไม่กี่วันหรอก เดี๋ยวก็วิ่ง..

คุณกำลังทำผิดพลาดมหันต์!! น่ะครับ

คิดภาพตามน่ะครับ...ถ้าเกิดคุณดื้อ ไม่ยอมขายตัดขาดทุนเนี่ยะ โอกาสของราคาที่คุณจะเห็นอีกครั้งในอีก 3-4 วันต่อมา อาจจะเป็นแบบนี้ครับ

BID

OFFER
50,000
0.35

0.38
40,000,000
200,000
0.33

0.40
19,000,000
100,000
0.30

0.48
15,000,000
400,000
0.29

0.50
30,000,000
90,000
0.25

0.51
7,000,000

นั่นเท่ากับว่าแค่ไม่กี่วัน...คุณก็ขาดทุนไปแล้วเกือบ 50% ของเงินที่คุณลงทุนในหุ้น A น่ะครับ..

...ติดดอยถาวร จิบกาแฟดูดาวตลอดไปแน่นอนครับ...หุหุ

บางท่านอาจจะถามว่า แล้วแบบนี้เจ้ามือเค้าจะไม่ขาดทุนเหรอ?

...อาจจะขาดทุนครับ แต่เค้าก็ไม่ได้ซีเรียสอะไร ก็เพราะเจ้ามือเค้ารู้ดีว่าจังหวะไหนคือจังหวะที่ควรจะปั่นหรือไม่ปั่น...ถ้ามีมือที่สามมาแจมแล้วทำตัวใหญ่กว่าเจ้ามือเนี่ยะ เตรียมโดนเชือดได้เลยครับ มันก็ไม่ต่างจากแก๊งยากูซ่าจากถิ่นอื่นที่เข้ามาเรียกค่าคุ้มครองในเขตของเจ้าพ่อใหญ่นั่นเองครับ...สุดท้ายก็โดนเจ้าพ่อลากไปเชือด สั่งสอนจนอ่วมและเข็ดหลาบครับ...

อย่าลืมน่ะครับว่าเจ้ามือคือคนที่คุมราคาซื้อขายได้ ดังนั้นแล้วถ้าเค้าจะยกเลิกคำสั่งซื้อทั้งหมดเนี่ยะ...จำนวนหุ้นยิบๆย่อยๆที่เราเห็น ก็คือราคาที่แมงเม่าทั้งหลายตั้งซื้อไว้ครับ มันก็ย่อยจริงๆแหล่ะครับ มีอยู่จึ๋งเดียวเอง เหอๆๆ

ราคา BID และ OFFER แบบนี้หาดูได้เรื่อยๆครับ สังเกตุได้จากหุ้นที่ไม่ค่อยมีวอลุ่มเท่าไหร่ แล้วอยู่ๆก็มีวอลุ่มซื้อขายมหาศาลเข้ามาดูน่ะครับ เมื่อถึงจุดๆนึงของการไล่ราคาแบบนี้แล้ว เจ้ามือเห็นว่าราคามันเริ่มดีดแรงเกินไปแล้ว ก็เลยโยนโครม!! ไม้เดียวขายทุกราคาแล้วถอดคำสั่งซื้อออกให้หมด...เท่านี้คนที่ขายไม่ทันแล้วมีต้นทุนสูงๆ ก็จะกลายเป็นสมาชิกชาวดอยถาวรทันทีครับ....บรื๊อสสส!! หนาวแทนครับ เหอๆๆ

เอาเป็นว่า..

อย่าทำตัวเหนือเจ้ามือ อย่าคิดว่าเจ้ามือจะปล่อยให้คุณรวยมหาศาลอย่างง่ายๆ
จงเป็นผู้มาเยือนอย่างเป็นมิตร จะได้ไม่โดนคิดบัญชี
ขาดทุนบาน นอนคลานตาย ซวยจังเลย

หวังว่าบทความชิ้นนี้ จะช่วยเตือนสติให้กับบรรดาขาซิ่งรักหุ้นปั่นน่ะครับ จงมีสติอยู่กับตัว อย่าโลภ เพราะ..

หุ้นปั่นนั้นทำให้คุณรวยมหาศาลได้ แต่ก็ทำให้คุณหมดตัวในพริบตาเดียวได้เหมือนกัน

Wizard Kid
21 October 2010
23:45
น.