เชื่อแน่ว่าทุกคนต้องเคยประสบพบเจอกับอาการที่เรียกว่า “สติแตก” อย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นตอนเด็กเอ๊าะๆ ที่ต้องสติแตกเมื่อเจอของที่อยากได้แต่ไม่ได้มา เพราะคุณแม่ไม่ซื้อให้ ช่วงวัยรุ่นที่ต้องสติแตกเมื่อโดนแฟนทิ้ง เมื่อทำรายงานไม่ทัน ทำข้อสอบไม่ได้ จนถึงวัยทำงานที่คุณต้องสติแตกเมื่อเจองานที่ไม่ใช่ เจ้านายที่ไม่ชอบ เพื่อนร่วมงานที่ไม่ปลื้ม จนคุณอยากจะสาปให้คนเหล่านั้นหายไปจากชีวิตคุณ สุดท้ายก็วัยไม้ใกล้ฝั่ง ที่ต้องสติแตกจิตหลุดกันเต็มๆ เพราะอะไรๆที่เคยทำได้ ก็กลายเป็นว่าไม่สามารถทำได้อีกแล้ว โจ๊ะ โจ๊ะ โอ๊ะ โอ๊ะ หุ หุ...
...แล้วเมื่อเรา “สติแตก” และ “จิตหลุด” เนี่ยะ...
....อะไรๆที่คิดว่าง่ายๆ ก็กลายเป็นยากไปซะหมดครับ...
...ยากมากๆ จนคุณต้องคิดว่า ทำอะไรก็ผิดที่ผิดทาง เลือกขาวกลายเป็นดำ เลือกดำกลายเป็นขาวไปซะหมด...ยิ่งเป็นแบบนี้เรื่อยๆ ซ้ำๆ บ่อยๆ หากคุณคุมสติไม่อยู่หล่ะก็...
..ชีวิตคุณจบเห่!! เจ๊งบ๊ง!! เด็ดสะมอเร่ เท่งทึง!! อย่างแน่นอนครับ..
นักลงทุนในตลาดหุ้นและเทรดเดอร์ก็เช่นเดียวกัน หาก “สติแตก” ในระหว่างการเทรดแล้วหล่ะก็...หากคุณไม่หมดตัวก็เกือบเจ๊งอย่างแน่นอน!!
เทรดเดอร์รุ่นพี่ที่ผมนับถือที่สุดคนหนึ่งมักจะคอยย้ำกับผมเสมอว่า “อาชีพเทรดเดอร์นั้น ถึงแม้รายได้จะดีแค่ไหน จะทำเงินได้มากเพียงใด แต่ท้ายสุดแล้ว ถ้าเราไม่มีสติเมื่อไหร่ กำไรที่ทำมาก็จะหายไปหมดภายในไม่กี่นาทีอย่างแน่นอน”
ดังนั้นแล้วไซร้..
“จงมีสติอยู่กับตัว”
..อาจจะฟังดูง่าย แต่ยากยิ่งต่อการทำครับ..
แต่.ผมมีวิธีมาเสนอครับ เผื่อจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย ก็คือ
1. “การเขียนโน้ท” แปะไว้ที่หน้าจอเทรดหุ้นของตัวเองว่า “จงมีสติอยู่กับตัว”
2. “บันทึกอาการจิตหลุด” ที่เคยเกิดขึ้นกับตัวคุณเอง ที่คุณพอจำได้ว่าก่อนที่อาการ “จิตหลุด” ของคุณจะเกิดขึ้นนั้น มีสิ่งใดได้เกิดขึ้นบ้าง เช่น หายใจเร็ว หายใจถี่, เหงื่อแตกพลั่กๆ, นั่งไม่นิ่ง นั่งสั่นขาเร็วๆ ไปจนถึงการทำลายข้าวของใกล้ตัว จริงๆแล้วอาการของเทรดเดอร์สติแตกนั่นจะมีหลากหลายครับ แต่ถ้าคุณรู้ว่าอาการเหล่านั้นเกิดขึ้นได้เพราะสาเหตุใดแล้วหล่ะก็ ให้คุณอ่านบันทึกอากาจิตหลุดของคุณอีกครั้ง และควบคุมมันให้ได้ ก่อนที่มันจะควบคุมตัวของคุณก็เท่านั้นเอง
3. “หยุดเทรด” นี่คือวิธีที่ดีที่สุดครับ เมื่อรู้ตัวว่าจิตหลุด สติแตกแล้วเนี่ยะ ให้หยุดการส่งคำสั่ง หยุดคิดที่จะเทรดไปเลยจะดีที่สุดครับ เพราะเวลาที่สติแตกเนี่ยะ อาการหน้ามืดจะครอบงำ สมาธิจะขาดหาย การตัดสินใจจะแย่ลงขั้นสุดขีด ดังนั้นแล้ว
หยุดเทรดแล้วไปล้างหน้า ดื่มวีต้าแล้วไปนอนซะ
4. “นั่งสมาธิ เดินจงกลม” ไม่เชื่ออย่าลบหลู่น่ะครับ นี่คือสุดยอดการลบล้างอาการ “สติแตก” ที่ผมพิสูจน์มาแล้วว่ามันได้ผลจริงๆ เพราะการกำหนดลมหายใจเข้าและออกทุกครั้งเนี่ยะ มันจะช่วยให้เรารู้ตัวเองว่ากำลังทำอะไรอยู่ครับ เช่นเดียวกัน ระหว่างที่คุณเทรดนั้น คุณต้องรู้ว่าคุณกำลังจะทำอะไร จะซื้อหุ้นตัวไหน เพราะอะไร จะขายทำกำไรเพราะอะไร จะตัดขาดทุนเพราะอะไร ฯลฯ
ดังนั้นแล้ว คุณจำเป็นต้องรู้ว่าและเตือนตัวเองอยู่ตลอดเวลาว่า อะไรที่จะช่วยให้คุณมี “สติ” อะไรที่จะช่วยให้คุณ “กลับมา” มีสติขึ้นอีกครั้ง เพราะในช่วงเวลาที่ดีของคุณในการเทรดนั้น การมี “สติ” อาจจะไม่สำคัญมากเท่ากับในช่วงเวลาแย่ๆของการเล่นหุ้นที่ “สติ” คือสิ่งสำคัญที่สุดที่คุณต้องเรียกกลับคืนมาให้ได้เป็นอันดับแรก
...แล้วเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องนั้น เค้าทำอย่างไรกันบ้าง?....
เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จนั้น คือคนที่สามารถที่จะควบคุม ”สติ”
ไม่ว่าจะในสถานการณ์ที่เขามีกำไรหรือขาดทุน
และมี “สติ” อยู่ตลอดเวลา
เพราะการมี “สติ” นั้น ถือว่าเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยในการควบคุมอารมณ์การเทรดและการตัดสินใจไม่ให้ “จิตหลุด” ในระหว่างการเทรดหุ้น
ที่สำคัญยิ่งก็คือ..เทรดเดอร์ที่ดีนั้น สามารถเล่นหุ้นได้ตามระบบที่ดี ไม่ว่าจะต้องเจอกับช่วงเวลาเลวร้ายเพียงใดก็ตาม และถึงแม้เขาเหล่านั้นจะเกิดขาดทุนขึ้นมา เทรดเดอร์ก็จะเข้าใจว่ามันเป็นสิ่งที่ต้องเกิดขึ้นเป็นของธรรมชาติครับ
“มีสติ..ไม่สิ้นใจ..ไม่ขาดทุน
มีสตางค์..ไม่สิ้นทุน..ไม่ขาดใจ
ขาดสติ..จิดหลุดลอย..ซวยแล้วไง
ต้องบรรลัย..หมดตัวเจ๊ง..ไม่น่าเลย”
Wizard Kid
30 October 2010
15:59 น.
15:59 น.
No comments:
Post a Comment