"7 เทคนิค ฟันกำไร หุ้นเดย์เทรด"

"7 เทคนิค ฟันกำไร หุ้นเดย์เทรด"
ติดตามความเคลื่อนไหวของหนังสือ "7 เทคนิค ฟันกำไร หุ้นเดย์เทรด" คลิ๊กโลดครับ

Tuesday, August 31, 2010

One Night Stand Discussion #14 (จิตวิทยาการลงทุนนั้นสำคัญไฉน)

สุโค่ยจริงๆครับพี่ไทย!! จะหลุดๆ 900 จุดอยู่แล้ว...พี่หรั่งเดินมาสะกิดแล้วบอกว่า “STOP!!! Let me do the thing for you Thailand!!”….พูดจบปุ๊บ หุ้นหยุดเลือดไหล...แล้วก็อัดฉีดยาบ้าผสมโคเคนบวกตากีล่าเข้าไป....คึกคัก ทันที...ดีดสวนตลาดรอบโลกอย่างแข็งแกร่ง จนปิดบวก 3 จุดกว่าๆได้....พูดได้คำเดียวครับว่า “บร๊ะแล้ว!!” ของแบบนี้ไม่แน่จริงทำไม่ได้จริงๆครับ ช่วงนี้นักลงทุนคงหมั่นร้องเพลงพี่ตูน บอดี้แสลมกันแน่ๆ (เพลง “ความเชื่อ”) เพราะดูอารมณ์ตลาดแล้ว...แทบจะทั้งหมด เชื่อมั่นเอามากๆ ว่า SET รอบนี้ มีทดสอบ 1,000 จุด!! สำหรับผมแล้ว...ต้องบอกคำเดียวครับ...”โปรดติดตามตอนต่อไป++” หุหุ

จิตวิทยาการลงทุน (Betting Psychology)

 บังเอิญว่าผมได้ไปอ่านเจอบทความน่าสนใจเกี่ยวกับจิตวิทยาการลงทุนครับ เลยขอนำมาแบ่งปันให้เพื่อนๆ พี่ๆชาว S2M ได้อ่านกัน ซึ่งบทความนี้จะออกไปเกี่ยวกับมุมมองและแนวคิดในการเดิมพันหรือการพนัน ซึ่งตรงนี้ผมว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจว่า คนที่เขาเล่นกับความไม่แน่นอนหรือ Probability เป็นอาชีพนั้น เขามีวิธีคิดอย่างไรกับสิ่งที่ต้องเจอเป็นประจำในชีวิตการเป็นนักเดิมพันของ พวกเขาครับ ผมเองในฐานะ Proprietary Trader โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเทรดในตลาด TFEX นั้น จิตวิทยาการลงทุนนั้น มีผลค่อนข้างมากครับ เมื่อต้นเดือนกรกฎาคม 2553 นั้น ผมก็อยู่ในภาวะจิตตกมาแล้วครับ เทรดเสีย 3 วันติด กำไรหายไป 15% ของ port การลงทุน แล้วก็เคยหมดตัวมาก่อนสมัยเข้าวงการ 4 เดือนแรก (เงินตัวเอง + เงินพี่สาว) จนต้องมาเริ่มตั้งต้นใหม่ และสั่งสมประสบการณ์จนมั่นใจได้ว่าจะสามารถกู้คืนเงินที่เสียไปได้ แต่คงกำหนดระยะเวลาไม่ได้ เพราะถ้ารู้ว่าเมื่อไหร่ ผมคงรวยเป็นพันล้านไปแล้วครับ ฮ่าๆๆ

เดิมพัน จิตวิทยาการลงทุน
มีสองสิ่งที่คุณจะต้องเจอต่อไปเรื่อยๆ และหลีกเลี่ยงไม่ได้เลย หากว่าคุณยังคงเป็นนักเดิมพันอยู่ นั่นก็คือ

1.คุณจะต้องเจอกับการได้กำไรติดๆกัน
2.คุณจะต้องเจอกับการขาดทุนติดๆกัน

สองข้อนี้คือความจริงที่นักลงทุนและเทรดเดอร์ทุกท่านแทบทุกคน ต้องประสบพบเจอมาแล้วทั้งนั้นครับ
แต่...ข้อแตกต่างระหว่างนักเดิมพันที่ประสบความสำเร็จและล้มเหลวนั่นก็คือ มุมมองและการกระทำที่มีต่อการได้กำไรและขาดทุนติดๆกัน ต่างหากครับ เพราะว่าถ้าหากคุณทำกำไรติดๆกันอย่างต่อเนื่องเนี่ยะ คุณก็จะรู้สึกเองว่าทุกสิ่งที่คุณทำมันช่างลงตัวและสวยงามอลังการงานสร้าง เหลือเกิน เงินทุนของคุณเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว จนคุณอาจจะคิดได้ว่า คุณนี่แหล่ะคือ “Mr. Market” หรือ เซียนหุ้น ตัวจริง!! ถ้า คุณคิดเช่นนั้นเมื่อไหร่น่ะครับ...เตรียมใจรับผลที่จะตามมาได้เลย เปรียบไปก็ดั่ง นักท่องเที่ยวที่กำลังมีความสุขริมทะเล แต่หารู้ไม่ว่าคลื่นซึนามิกำลังก่อตัวเข้ามา...เพราะหลังจากที่คุณมีกำไร ติดๆกันนั้น ขนาดของการเดิมพันของคุณจะเริ่มโตขึ้นเรื่อยๆ โดย ณ จุดนี้นั้น คุณมักจะเริ่มหาทางลัดและปฏิเสธการทำการบ้านและการวางแผนอย่างดีของคุณไป คุณมักจะเชื่อความรู้สึกของตัวเอง มากกว่าที่คุณจะเชื่อในหลักของสถิตินั่นเอง คุณจะเริ่มเดิมพันทุกอย่างที่ขวางหน้าอย่างบ้าคลั่ง เพราะคุณเชื่อว่าไม่ว่าคุณจะเล่นตัวไหน แบบไหน หน้าตักเท่าไหร่ คุณก็จะได้กำไรมหาศาลจากการลงทุนของคุณนั่นเอง

และสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาน่ะหรือ? ไม่ต้องสืบให้เสียเวลาครับ เจ๊ง!!!
คุณจะเจอกับการขาดทุนติดๆกัน ชนิดที่เรียกได้ว่า คุณอาจจะโทษดวงคุณเองได้เลยครับ ว่าทำไมคุณถึงได้ซวยซ้ำซวยซ้อน ซวยติดๆกัน ขาดทุนติดๆกันขนาดนี้ และเงินของคุณเริ่มร่อยหรอ คุณจะเริ่มสูญเสียความมั่นใจที่จะวางเดิมพันลงไป หรือแย่ไปกว่านั้น คุณจะเริ่มหน้ามืดและพยายามเอาคืนเงินที่คุณเสียไปด้วยการเดิมพันแบบหมด หน้าตักในคราวเดียว (ผมโดนมาแล้วครับ ยอมรับว่าช่วงนั้นนี่ แทบจะเลิกจากตลาดหุ้นไปเลยทีเดียว)

วิธีการเล่นหุ้น หลักการเดิมพัน จิตวิทยาการลงทุน
แต่...เมื่อชีวิตไม่สิ้น ก็ต้องดิ้นกันไป...หากใจยังรัก ก็ต้องรับการอกหักให้เป็น..
บนถนนอันมืดมิด ย่อมมีทางออกครับ แสงสว่างยังมีอยู่แน่นอน..สิ่งที่จะนำพาคุณไปสู่ความสำเร็จในฐานะของนัก เดิมพันนั้น ง่ายๆครับก็คือ.. ค่อยๆเล่น ค่อยๆไป ไปอย่างมั่นคง! และต้องทำใจรับให้ได้ว่าคุณต้องเจอไม้ที่ได้กำไรติดๆกันและขาดทุนติดๆกัน โดยเมื่อมองจากมุมของสถิติศาสตร์แล้ว การได้กำไรหรือขาดทุนติดๆกันในระยะสั้นๆแบบนี้ เป็นเรื่องธรรมดาๆมากๆในหลักการกระจายตัวของผลทางสถิติเท่านั้นครับ

โดยเมื่อนำสิ่งที่เกิดขึ้นนี้มาไตร่ตรองดูให้ดีแล้ว หากว่าในอนาคตคุณจะต้องตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้อีก สิ่งเหล่านี้ช่วยคุณได้ครับ สิ่งเหล่านี้ย่อมช่วยให้คุณไม่หลงระเริงกับกำไรหรือวิตกจริตกับการขาดทุน ครับ จำไว้ให้ขึ้นใจ แล้วคุณจะไม่ก้าวพลาดครับ

วิธีการเล่นหุ้น หลักการเดิมพัน จิตวิทยาการลงทุน

เมื่อคุณได้กำไรติดๆกัน
-คุณไม่ได้เป็นอัจฉริยะ คุณไม่ใช่เทพ คิดเสมอว่าคุณคือ มนุษย์ธรรมดา ดังนั้นอย่าเหลิง++
-จงอดกลั้นและหักห้ามใจเอาไว้ ตลาดหุ้นไม่ใช่เลขประถมครับ และคุณยังต้องทำการบ้านของคุณต่อไป ฝึกไปเรื่อยๆ จนกระทั่งคุณคิดจะเลิกเล่นครับ
-ให้คิดตลอดว่า สิ่งที่เกิดขึ้นอาจเป็นไปได้ว่า คุณก็แค่โชคดี
-จงถ่อมตนเอาไว้ เพราะผู้ที่ถ่อนตน เวลาก้าวพลาดลื่นล้ม ย่อมไร้ซึ่งคนซ้ำเติมครับ และการถ่อมตน ย่อมทำให้คุณมีสติติดตัวตลอดเวลาครับ

เมื่อคุณขาดทุนติดๆกัน
-คุณไม่ได้ต้องคำสาป คุณไม่ได้ไม่เหมาะกับการลงทุนแบบนี้
-ทำใจให้ปลอดโปร่ง จงอดกลั้นและหักห้ามใจเอาไว้ โอกาสของคุณจะมาถึงในเวลาที่เหมาะสม
-สิ่งที่เกิดขึ้นอาจเป็นไปได้ว่า คุณก็แค่โชคร้ายนิดหน่อยเท่านั้นเอง ใครมันจะไปซวยซ้ำซวยซ้อนได้ตลอดเวลา ตลอดชีวิตครับ
-จงเป็นคนที่คิดในแง่บวกเอาไว้ มองโลกในแง่ดีเอาไว้ครับ คิดเสมอว่า วันนี้ฉันจะกำไร

วิธีการเล่นหุ้น หลักการเดิมพัน จิตวิทยาการลงทุนน จิตวิทยาการลงทุน
บางคนอาจจะเคยคำที่ว่า “ต้องตัดการใช้อารมณ์ จากการลงทุนให้ได้” อันนี้ผมเห็นด้วยครับ แต่ความจริงแล้ว การที่เราจะสามารถบังคับตัวเอง ไม่ให้มีอารมณ์ใดๆเลยมาเกี่ยวข้องในการเดิมพันเลยนั้น เป็นสิ่งที่ไม่มีทางเป็นไปได้อย่างแน่นอน แต่ยิ่งคุณเข้าใจถึงภาวะทางอารมณ์ของคุณ ว่ามันมักจะมีผลกระทบต่อการกระทำของคุณมากเท่าไร ผลการเล่นเดิมพันในระยะยาวของคุณก็จะยิ่งดีขึ้นเท่านั้นครับ

"จงจำอารมณ์...ตอนคุณทำกำไรติดๆกันไว้...แล้วคิดเรื่อยๆว่า ทำอย่างไรถึงจะเรียกอารมณ์เช่นนั้นกลับมาได้อีกครั้ง
จงจำอารมณ์..ตอนคุณเสีย ขาดทุนติดๆกันเอาไว้..แล้วคิดเสมอว่า ทำอย่างไรถึงจะไม่เรียกคืนอารมณ์เช่นนั้นกลับมาอีก
"


การลงทุน..ใช้อารมณ์..มีสองแบบ..
หนึ่งกำไร..ก็คิดว่า..ตัวเองเทพ..
สองขาดทุน..ก็โทษดวง..ชะตาเอง..
ตั้งสติ..เราก็คน..พลาดพลั้งเป็น..

Wizard Kid (aka.เทรดเดอร์เจ้ากวี)
31 August 2010
23:13 น

Sunday, August 29, 2010

One Night Stand Discussion #13 (10 หนังสือแนะนำสำหรับคนรักการเทรด ตอนที่ 5)


วันอาทิตย์ วันเบาๆ เหมาะแก่การพักผ่อนเช่นนี้ ผมก็ขอตบท้าย 10 หนังสือน่าอ่านสำหรับคนรักการเทรดด้วยหนังสือภาษาไทยน่ะครับ หนังสือ 2 เล่มนี้ อาจจะไม่เกี่ยวข้องกับตลาดหุ้นโดยตรง แต่สำหรับผมแล้ว เป็นหนังสือสองเล่มที่รวมรวบแง่คิด ประสบการณ์ และคุณสมบัติ ของผู้จะประสบความสำเร็จในชีวิตครับ
เล่มที่ 9 “CEO มองซีอีโอโลก

เชื่อว่าหลายๆคนหรือแทบจะทุกคนคงรู้จักสุดยอดนักธุรกิจ ผู้บุกเบิกธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมของเมืองไทย และเจ้าของนิคมชื่อดังอย่าง นิคมอุตสาหกรรมอมตะนครหรือบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โดยใช้ชื่อ AMATA”   เค้าคือสุดยอดไอดอลของผมครับ           
....วิกรม กรมดิษฐ์...
ผมติดตามผลงานของคุณวิกรม ตั้งแต่หนังสือเล่มแรกของเค้าคือ ผมจะเป็นคนดี เป็นหนังสือที่คุณพ่อของผมแนะนำแกมบังคับให้อ่านครับ แรกๆผมก็ไม่อยากอ่านเท่าไหร่ แต่เมื่อได้อ่านแล้ว ผมก็ถอนตัวไม่ขึ้น ติดตามผลงานของคุณวิกรม มาโดยตลอด เนื่องจากผมรู้เลยว่าคนคนนี้มีอะไรหลายๆที่ผมมี นั่นก็คือ ความกล้า นั่นเองครับ  ไม่ใช่ความกล้า แบบบ้าบิ่น ไม่รู้ผิดรู้ชอบน่ะครับ แต่เป็น
ความกล้า...ที่จะเปลี่ยนตนเอง
ความกล้า...ที่จะทำในสิ่งที่ฝัน
ความกล้า...ที่จะลองในสิ่งใหม่ๆ
ความกล้า...ที่จะต่อสู้กับอุปสรรคต่างๆ
สิ่งเหล่านี้แหล่ะครับ ที่หล่อหลอมจนมาเป็นภูมิคุ้มกันในการใช้ชีวิตอย่างดีเลย ออกทะเลไปไกลแล้ว มาเข้าเรื่องหนังสือแนะนำดีกว่าครับ เหอๆ
หนังสือชุดนี้เขียนโดยคุณวิกรม ครับ ชื่อว่า “CEO มองซีอีโอโลก

โดยตามเป้าหมายของคุณวิกรมนั้น จะเขียน 10 เล่มครับ 2 เล่มต่อปี จนถึงตอนนี้ก็ได้ออกตีพิมพ์มาแล้ว 6 เล่มครับ เนื้อหาเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับชีวประวัติของบุคคลสำคัญระดับโลก มีทั้ง ผู้นำระดับประเทศ  นักประพันธ์ ผู้นำศาสนา นักกีฬา นักแสดง หรือผู้อุทิศตนเพื่อช่วยเหลือสังคมฯ

ยิ่งได้อ่าน ก็จะยิ่งรู้ว่าประสบการณ์และชีวิตของเหล่านักสร้างสรรค์ ที่สร้างผลงานระดับโลกนั้น เขามี Creativity อย่างไร สิ่งเหล่านี้ไม่ได้มีมาแต่กำเนิด หากแต่พวกเขาต้องอดทน รอคอย และฝึกฝน กว่าจะประสบความสำเร็จได้อย่างที่เราเห็นทุกวันนี้ แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าอุปสรรคที่เขาต้องฝ่าฟันมานั้นเป็นอย่างไร
หนังสือเล่มนี้ มีคำตอบให้ครับ..

เล่มที่ 10 แกะรอยหยักสมอง รวยหุ้นหมื่นล้าน แบบ Buffet”

  ไม่ต้องมีคำบรรยายใดๆมากมายครับสำหรับหนังสือเล่มนี้ ครบถ้วนกระบวนการ เนื้อหาอัดแน่น อ่านง่าย สบายตา น่าติดตามจริงๆ สำหรับ แกะรอยหยักสมอง รวยหุ้นหมื่นล้าน แบบ Buffet” ที่เขียนโดยคุณ ภาววิทย์ กลิ่นประทุม หรือพี่แพท แห่ง S2M นั่นเองครับ

หนังสือเล่มนี้นี่เองครับ ที่นำพาให้ผมได้มารู้จักกับพี่ป้อมเจ้าของเว็บชื่อกระฉ่อนอย่าง S2M และนักเขียนไฟแรงอย่างพี่แพท ภาววิทย์ ครับ...เป็นหนังสือที่ทำให้ผมเกิดแรงบันดาลใจที่จะมีงานเขียนเป็นของตัวเองบ้างอะไรบ้าง แหะแหะ สำหรับสรุปเนื้อหานั้น ผมขอนำเอาข้อความแนะนำหนังสือจากเว็บ S2M มาลงน่ะครับ

เนื้อหาที่สำคัญที่หนังสือเล่มนี้นำเสนอนั้น คือ การพาท่านมาสู่ อาชีพที่สามารถต้าน Cycle ของธุรกิจได้ .. แม้โดยธรรมชาติไม่ว่าคุณจะอยู่ในอุตสาหกรรมใด ย่อมต้องมีขาขึ้นขาลง
ไม่มีใครสามารถหลีกหนีได้แต่อาชีพที่สามารถต้าน Cycle มันได้เกิดขึ้นแล้ว...
ก็คืออาชีพ
นักลงทุนนั่นเอง” -- อาชีพที่นั่งอยู่ชั้นบนสุดของห่วงโซ่อาหาร .....
หนังสือเล่มนี้..
เหมาะกับผู้ที่จะเริ่มต้นในการก้าวสู่ชีวิตนักลงทุน
และรวมถึงผู้ที่คร่ำหวอดในวงการหุ้นที่ต้องการกระตุ้น"ต่อมความรวย"


สุดท้ายก็อยากให้อ่านคำนิยม ของพี่ป้อม แห่ง S2M เกี่ยวกับหนังสือเล่มครับที่ว่า
" เสน่ห์ของผลงานเล่มนี้อีกสิ่งหนึ่งคือ การที่เป็นหนังสือที่บรรจุด้วยตอนสั้นๆหลายตอน การค่อยๆอ่านในช่วงเวลาว่างจึงทำได้แบบไม่ยาก เพียงหาที่คั่นหนังสือเล็กๆไว้เตรียมเสียบในบทที่อ่านถึง เพื่อจะมาอ่านต่อในเวลาว่างครั้งต่อไปนั้นไม่ใช่เรื่องยาก ไม่จำเป็นต้องกลับไปทบทวนเนื้อหาเก่าๆ บทความสั้นๆเหล่านั้นล้วนได้ใจความในบทสรุปแบบตอนต่อตอน จะคอยสะกิดไอเดียในชีวิตนักลงทุนได้ในทุกเวลาว่างที่มี "

เป็นอย่างไรบ้างครับกับ 10 หนังสือที่ผมแนะนำ หวังว่าคงจะมีอย่างน้อยก็ซักเล่มที่จะเข้าไปอยู่ในดวงใจชั้นหนังสือที่บ้านหรือบนโต๊ะทำงานของทุกท่านน่ะครับ

ปิดท้ายด้วย..สองหนังสือ..ของสองท่าน..

หนึ่งท่านนั้น..คือไอดอล..ของตัวผม..

อีกหนึ่งหนุ่ม..คือต้นแบบ..บทความคม..

น่าติดตาม..น่าชวนอ่าน..น่าซื้อเอย...

Wizard Kid (aka.เทรดเดอร์เจ้ากวี)

Friday, August 27, 2010

One Night Stand Discussion #12 (10 หนังสือแนะนำสำหรับคนรักการเทรด ตอนที่ 4)


เก้าร้อยครับ เก้าร้อย!! พี่ไทยปิดเหนือ 900 จุดได้สำเร็จ...^___^ เก่งฉกาจฉกรรจ์จริงๆครับ ก็หวังว่าจะร่ำรวยๆกันถ้วนๆหน้า
วันนี้เหนื่อยมากมาย ก็ขอรีบสรุปหนังสือที่ควรอ่านอีก 2 เล่มน่ะครับ เป็นเล่มที่ 7 และ 8 ครับ
เล่มที่ 7 “The Winning Investment Habits of Warren Buffett & George Soros”
หนังสือเล่มนี้ ผมยังอ่านไม่จบน่ะครับ ต้องขอบคุณพี่ HedgeHunter ที่แนะนำให้ผมซื้อมาอ่านครับ ขนาดอ่านได้แค่ครึ่งเล่ม ก็ขอยกให้เป็นหนังสือที่ดีเยี่ยมเล่มนึงเลยครับ



 หนังสือหุ้นเล่มนี้ The winning investment habits of Warren Buffet and George Soros” ได้เล่าและอธิบายถึง ความเหมือนที่แตกต่างของ 2 สุดยอดปรมจารย์ แห่งโลกการลงทุนและโลกการเงิน นั่นก็คือ วอเรน บัฟเฟต และ จอร์จ โซรอส สองสุดยอดเทรดเดอร์และนักลงทุนระดับโลก ที่แตกต่างกันด้วยวิธีการ แนวคิด เครื่องมือ และสไตล์ของการลงทุนที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง มาวิเคราะห์ถึงหลักการเล่นหุ้นที่ บัฟเฟต และ โซรอส นั้นมีเหมือนกัน และเป็นแนวคิดและทัศนคติ ซึ่งผลักดันให้กลายมาเป็น เซียนในการเล่นหุ้นของทั้งสองคนนี้ครับ



เท่าที่ผมได้อ่านมาครึ่งเล่ม ผมคิดว่าหนังสือเล่มนี้น่าจะทำให้หลายๆคน เข้าใจว่าการลงทุนนั้น ไม่จำเป็นต้องทำตามผู้อื่น หากแต่คุณต้องหาสไตล์การเทรดของตัวเองให้เจอ หาวิธีเทรดที่คิดว่าดีที่สุดและเหมาะสมกับตัวคุณเอง เพราะแม้วิธีการหรือสไตล์ต่างกันแต่สุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับว่ามือใครมันถึงกว่ากันเพราะแต่ละบทที่ผ่านไปนั้น จะยิ่งทำให้เราได้ฉุกคิดถึงตัวแปรสำคัญในการเล่นหุ้นของพวกเรานั่นก็คือ เรื่องของจิตใจ หรือ จิตวิทยาการลงทุน ซึ่งน่าจะเป็นส่วนสำคัญอาจจะที่สุดก็ว่าได้ ถึงแม้ว่านักเล่นหุ้นส่วนใหญ่อาจจะหลงลืมหรือคิดไม่ถึงก็ตาม



ไม่มีอะไรที่จะต้องอธิบายมากมายครับสำหรับหนังสือเล่มนี้ ยังไงก็เป็นหนึ่งใน Must Read Book ครับ ลองหาซื้ออ่านกันได้ตามสบายครับ อิอิ



ทิ้งท้ายเล่มนี้ด้วยคำพูดของสองเซียนครับ


Warren Buffet – “1. Never lose money 2. Never forgot rule no .1”


George Soros – “Survive first and make money afterward.



ฟังดูง่ายๆ แต่ทำยากมากๆครับ แต่ผมพิสูจน์มาแล้วจากการเทรดในฐานะ Prop. Trade ถ้าคุณทำได้ตามหนังสือเล่มนี้ ยังไงคุณก็เป็นผู้ชนะในตลาดครับ หุหุ

เล่มที่ 8 “Reminiscences of stock operator
 
นี่คือหนึ่งในหนังสือหุ้นที่ถือว่าเป็นอมตะเล่มหนึ่งเลยครับ จากการติดตามจากความเห็นของเทรดเดอร์ดังๆใน Market Wizards ที่ผมได้แนะนำให้อ่านในตอนที่ 2 นั้น หนังสือเล่มนี้ถือเป็นแรงบันดาลใจของเทรดเดอร์เหล่านั้น แทบทั้งสิ้นครับ ไม่น่าเชื่อน่ะครับ ว่าหนังสือที่เขียนเมื่อเกือบ 100 ปีที่แล้ว จะยังคงกระพันและเป็นแรงบันดาลใจให้นักลงทุนและเทรดเดอร์ในปัจจุบันได้ครับ สุดยอดจริงๆครับ
เรื่องราวคร่าวๆนั้นเกิดขึ้นเมื่อปี 1907 ในขณะที่ตลาดหุ้นของอเมริกาได้ดำเนินมาถึงจุดวิกฤตขั้นสูงสุด และเกิดการ Panic Sell ในตลาดอย่างรุนแรง เป็นผลให้นักลงทุนและนักเล่นหุ้นจำนวนมากต้องหมดตัวกลายเป็นยาจกไปตามๆกัน (คล้ายๆกับวิกฤติต้มยำกุ้งบ้านเรานั่นแหล่ะครับ แต่ของเค้านี่ โหดกว่าเยอะ) แต่นั่นกลับทำให้เด็กหนุ่มคนหนึ่งกลายเป็นจุดสนใจขึ้นมา หลังจากนั้น กลายเป็น Talk of the Town เลยทีเดียว
เขาเป็นนักเล่นหุ้นที่ผ่านร้อนผ่านหนาวจากตลาดหุ้นตั้งแต่อายุเพียง 15 ปีเท่านั้น!
เขาคือ... Jesse Livingston Livermore …
หนังสือหุ้นเล่มนี้มีลักษณะเป็นเหมือนบทสัมภาษณ์และชีวประวัติ ที่อัดแน่นเต็มเปี่ยมไปด้วยสุดยอดแนวคิดการเก็งกำไรและการลงทุนของ Livermore ครับ ถึงขนาดที่มีการเปรียบเปรยกันว่าถ้า The Intelligence Investor ของ Benjamin Graham เป็นเหมือน Bible ของนักลงทุนสาย Fundamental แล้ว หนังสือหุ้นเล่มนี้ก็คงเปรียบเหมือน พิชัยสงครามซุนวูของ โลกการเก็งกำไรแหละครับ ซึ่งผมก็ชอบมากมายเพราะผมเป็นสายบู๊หรือ Day Trading นั่นเอง แหะแหะ
ที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งก็คือ ชีวิตของเขาตั้งแต่วัยเด็กจนถึงวันที่เค้าได้จากโลกไปนั้นเป็นเหมือนบทละครที่ถูกเขียนขึ้นมาเลยครับ มีครบรสชาติทั้งทุกข์และสุข ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาแห่งการได้เสพสุขอย่างอภิมหาเศรษฐีแห่งตลาดหุ้น หรือ ยาจกผู้ยากไร้ที่กระทั่งต้องยืมเงินยืมทองจากคนรู้จัก มาประทังชีวิต ไม่น่าเชื่อน่ะครับ ว่าคนคนเดียวเมื่อเกือบร้อยปีที่แล้ว จะได้กลายมาเป็นต้นแบบให้กับนักเล่นหุ้นทั่วโลกมาเป็นเวลาเกือบร้อยปี ไม่ว่าจะเป็นแนวคิดการวิเคราะห์หุ้นทางเทคนิค และวิธีการเล่นหุ้นของเขา ซึ่งได้กลายมาเป็นเสาหลักของโลกการเก็งกำไร ตราบจนทุกวันนี้
 สิ่งที่ผมได้จากการอ่านหนังสือเล่มนี้ นอกจากเรื่องเล่าอันน่าติดตามของ Livermore แล้วนั้น ที่เด็ดดวงยิ่งกว่า ก็คือ หลักการวิเคราะห์หุ้นทางเทคนิค, เทคนิคการเล่นหุ้น, การบริหารเงินทุน (Money Management) และ จิตวิทยาการลงทุน (Psychology of Trading) ครับ ยิ่งใครที่มีปัญหาเกี่ยวกับการควบคุมตนเองเวลาเล่นหุ้น คิดว่าไม่ควรพลาดหนังสือหุ้นเล่มนี้ด้วยประการทั้งปวงครับ ไม่แน่น่ะครับ คุณอาจจะเป็นคนใหม่ไปเลยก็ได้ หลังจากได้อ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว
เฮียโซรอส..เฮียบัฟเฟต..เก่งขนาด..
หลากสไตล์..หลากวิธี..กำไรเจ๋ง..
จะให้ดี..หาวิธี..เทรดเองเป็น..
รับรองเฮง..เล่นไม่เจ๊ง..รวยแน่นอน..
Wizard Kid (aka.เทรดเดอร์เจ้ากวี)
27 August 2010
23:23