"7 เทคนิค ฟันกำไร หุ้นเดย์เทรด"

"7 เทคนิค ฟันกำไร หุ้นเดย์เทรด"
ติดตามความเคลื่อนไหวของหนังสือ "7 เทคนิค ฟันกำไร หุ้นเดย์เทรด" คลิ๊กโลดครับ

Friday, August 27, 2010

One Night Stand Discussion #11 (10 หนังสือแนะนำสำหรับคนรักการเทรด ตอนที่ 3)

โอ้เลเล โอ้ลาลา SET ไทยเก่งจริงๆ TFEX ไทยเก่งจังๆ ผมไปเที่ยวพักผ่อนซะ 3 วัน...ตลาดวิ่งสวิงซะสนุกพอสมควรครับ แต่ดูอาการแล้ว ระวังหน่อยน่ะครับ ช่วงนี้หุ้นเล็กๆ ถึงแม้จะวิ่งกระฉูดกันกระจาย แต่เวลาทิ้งกันเนี่ยะ ติดดอยกันเห็นๆครับ ส่วนหุ้นตัวใหญ่ๆ ก็เจอแรงขายกดไม่ให้ขึ้นแรงอยู่เรื่อยๆเลยครับ ยังไงช่วงนี้ก็ต้องระมัดระวังการเทรดเป็นพิเศษน่ะครับ ผมชักเสียวๆ ว่าจะเกิดฆาตกรรมกลางตลาดหุ้นไทย ในเร็วๆวันนี้....บางท่านอาจจะยังไม่เคยเจอ แต่ผมเคยมาแล้วครับ ทิ้งของ ขายหนีกันแบบทีเดียว 20-40 จุด แบบที่ได้แต่นั่งอึ้ง ทำอะไรไม่ถูก สุดท้าย ก็เป็น “ชาวดอย” กันเป็นแถวๆ ...แต่ถ้าเป็นนักลงทุนแนว VI หรือมีต้นทุนต่ำๆ ก็ไม่ต้องซีเรียสหรอกครับ ตลาดระยะยาว ดูสดใสทีเดียว จะ 1,000 จุดได้หรือเปล่า แค่นั้นเอง ฮ่าๆๆ

วันนี้มาต่อกับหนังสือน่าอ่านเล่มที่ 5 กับ 6 ที่ผมแนะนำน่ะครับ เชิญติดตามได้เลยครับ

เล่มที่ 5 “ตีแตก”


แทบไม่ต้องแนะนำเลยครับ สำหรับสุดยอดหนังสือในตำนาน ที่นักลงทุนมือใหม่ควรอ่าน...

......ตีแตก!!!.....

เป็นหนังสือที่เขียนโดยสุดยอด VI เมืองไทยอย่าง ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ยิ่งทำให้หนังสือเล่มนี้ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับกลุ่มนักลงทุนเน้นคุณค่า หรือ Value Investor จะว่าไปหนังสือเล่มนี้ก็ไม่ต่างจากตำราพิชัยสงคราม ในสมรภูมิตลาดหุ้นครับ ลองซื้อหาอ่านกันดูครับ

สิ่งที่ผมชอบในหนังสือเล่มนั้น คือหนังสือเล่มนี้ปูพื้นฐาน ทั้งความคิดและทฤษฎี จนผมว่าอ่านกี่ครั้งก็สุดยอดครับ  แต่สิ่งที่น่าสนใจกว่านั้น ก็คือ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่หนังสือเล่มนี้ออก คือช่วง วิกฤติต้มยำกุ้งปี 2540 และวิวัฒนาการทางการลงทุนของตัวดร.นิเวศน์เอง ที่แสดงให้เห็นว่า ท่านได้ลงทุนเหมือน Warren Buffet อย่างชัดเจนครับ

การเปลี่ยนแปลงของพอร์ทลมทุนของ ดร.นิเวศน์ นั้น ผมว่านักลงทุนแนวเน้นคุณค่า ควรจะศึกษาเป็นอย่างยิ่งครับ เพราะผมคิดว่ามันเหมาะกับการลงทุนระยะถัด ๆ ไปของนักลงทุนที่มีพอร์ตใหญ่ขึ้น

สรุปแง่คิดจากหนังสือเล่มนี้ก็คือ 


“การลงทุนนั้นต้องใช้ทักษะและประสบการณ์ที่สั่งสม ด้วยวินัย กลยุทธ์ และความใจรัก”

แนะนำให้อ่าน 2-3 รอบน่ะครับ เพราะคุณจะ ตีแตกการลงทุนอย่างฉลาด ไม่ใช่ ดีแตกน่ะครับ ฮ๋าๆๆ 

เล่มที่ 6 กูรูพันล้าน  เสี่ยยักษ์  วิชัย  วชิรพงศ์



  ความเป็น สุดยอดของนักเล่นหุ้นธรรมดาๆ คนหนึ่ง ที่ลงทุนจากเงินทุน 2 ล้านบาท แล้วประสบความสำเร็จจนมีเงินนับ พันล้านบาทจาก ต้นกล้าฝ่าแดดต้านฝน จนเป็น ไม้ใหญ่

สำหรับเล่มนี้นั้น ผมไม่ทราบว่ามีตีพิมพ์รึเปล่าน่ะครับ แต่สามารถหาอ่านได้ตาม Internet ครับ โดยเนื้อหานั้น เป็นชีวิตจริง เรื่องจริง เจ็บจริง และรวยจริง ของหนึ่งในสุดยอดเซียนหุ้นเมืองไทยครับ....ใช่แล้วครับ

...เสี่ยยักษ์ หรือ วิชัย วชิรพงศ์ นั้นเอง...

ถึงแม้ผมจะไม่เคยพบตัวจริงของเสี่ยยักษ์ แต่ผมก็ยกให้เสี่ยยักษ์เป็นหนึ่งในไอดอลด้านการลงทุนของผมครับ เพราะจากประวัติที่ได้อ่านนั้น เสี่ยยักษ์เป็นคนที่เริ่มจากศูนย์ มีต้นทุนการลงทุน 2 ล้านบาท แต่ด้วยความเพียรพยายาม ความขยัน ความใฝ่รู้ และการอ่านเกมส์ที่เฉียบขาด ก็สามารถทำให้เงินงอกเงยเป็นพันล้านบาทได้ สุโค่ยครับ!!
เนื่องจากผมชอบบทความของเสี่ยยักษ์มากเป็นพิเศษ ก็เลยขอสรุปแง่คิดที่ได้จากการอ่านบทความของเสี่ยน่ะครับ  โดยนำข้อสรุปมาจากเว็บหลายๆเว็บที่ผมได้ติดตามอ่านมาน่ะครับ ขอบคุณเว็บทั้งหลายด้วยครับ (คำพูดนั้น เป็นของเสี่ยยักษ์น่ะครับ สุดยอดจริงๆ)

บทสรุปของ สุดยอดวิชา”  จาก เสี่ยยักษ์ วิชัย  วชิรพงศ์
จะอยู่รอดต้องเป็นมืออาชีพ
ผมเตรียมที่จะมาพูดตรงข้ามกับคุณศิริวัฒน์เลย คือคุณศิริวัฒน์ บอกว่าอย่าเอาตลาดหุ้นมาเป็นอาชีพ แต่ผมคิดว่าถ้าเราจะอยู่ในตลาดหุ้น เราต้องเป็นมืออาชีพ เช่น คุณจะเป็นหมอฟันต้องเรียนทันตแทพย์มา คุณจะเล่นหุ้น เจ็ดวันคุณมาเล่นหุ้นแล้ว แล้วคุณก็เออ ก็ได้ ทุกคนส่วนมากเล่นหุ้นแรกๆ มักจะได้ แล้วก็จะตามเพื่อน สุดท้ายเพื่อนที่อยู่มาสิบปีก็มีผิดเหมือนกัน ผิดเพราะรู้ไม่จริง
เทคนิเคิลไม่เคยหลอก
ผมอยู่มาประมาณยี่สิบปี เทคนิเคิลไม่เคยหลอก ผมขอยืนยัน ถ้าคุณเก่งจริง เทคนิคไม่เคยหลอกเพียงแต่เราไม่รู้ ดังนั้นเราต้องเป็นมืออาชีพให้ได้ นี่คือข้อที่ 1
รายย่อยได้เปรียบรายใหญ่
ข้อที่ 2 นักเล่นหุ้นทุกคนล้วยเคยเป็นรายย่อยมาหมด เมื่อก่อนผมก็เป็นรายย่อย หลายคนบอกว่ารายใหญ่ได้เปรียบ มันไม่ใช่เลย รายย่อยต่างหากที่ได้ เปรียบเพราะว่าคุณซื้อหนึ่งครั้งคุณเต็มพอร์ต คุณขายหนึ่งครั้งหมดพอร์ต
แต่ถ้ารายใหญ่หลายร้อยล้านหุ้น จะขายยังไงดังนั้นรายย่อยจึงได้เปรียบรายใหญ่มากๆ
ทำธุรกิจยากกว่าเล่นหุ้น
อย่างที่บ้านทำโรงงานเล่นหมี่ พ่อสามารถส่งไปยังลูกนี่คือธุรกิจ ธุรกิจสามารถส่งต่อได้ พี่ชายเป็นหมอ หลานอีกคนเป็นหมอก็ต้องเรียนปีหนึ่งใหม่ อีกอยู่ดี ดังนั้นการทำธุรกิจยากกว่าตลาดหุ้นมาก ตลาดหุ้นถ้าอยากจะเลิกก็เลิก อยากจะไปก็ไปหันหลังพรึบสามช่องก็ออกได้แล้ว
เล่นหุ้นต้องเป็นยาม
การเล่นหุ้นเราต้องรู้ให้จริง ต้องมีการวางแผน เราต้องรู้ตัวว่าจะทำอะไร เราต้องเตรียมตัวไว้ก่อน เปรียบเสมือนกับการเฝ้ายาม คุณต้องใจ เย็นๆ ต้องนิ่งๆ ต้องเป็นยาม
คว้าดาวเด่น
ถ้าตรงนี้ใช่ทางของเราๆ ก็เล่น ถ้าไม่ใช่ทางของเรา เราก็ไม่เล่น แต่ละรอบของมันจะมีดาวเด่นอยู่ คุณต้องคว้าให้เจอ คุณต้องหาให้เจอ รอบที่ผ่นามา  เช่น atc จาก 3 บาท เป็น 75 บาท บางคนซื้อ 3 ขาย 3.5 แพ้ชนะกันที่เฉียดรวย
เทคนิค + พื้นฐาน
ใช้เทคนิคเป็นจุดซื้อขาย แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องดูพื้นฐาน เปรียบเสมือนกับคุณขึ้นรถเมล์ คุณจะไปสะพานตากสิน คุณกลัวร้อนเลยนั่งรอในรถ รถ สตาร์ตเครื่องแล้วแต่ไม่ออก บรื้นๆ อยู่นั่นแหละ จังหวะมันผิด อ้าวคันข้างๆ ออกไปแล้ว กระเป๋ารถเมล์มาเขย่ากระป๋องสามที โชเฟอร์เบิ้ลเครื่องอีกสอง ที ไอ้เราก็นั่งรอ ไม่ใช่คันนี้อีกแล้ว เราเปลี่ยนดีกว่า ไปนั่งคันที่ออก ทุกคนโดนมาหมด มันจึงต้องใช้เทคนิค เทคนิเคิลไม่เคยหลอก ปฏิวัติเนี่ยะนะ เทคนิคเคิลก็ยังรู้เลย แต่ก็รู้แค่เล็กๆ เพราะว่าอะไรนะรึ เพราะว่าผมจะปฏิวัติ ผมก็ต้องไปบอกญาติ บอกเพื่อนบอกแฟน เพราะก่อนหน้านี้ก็มีคนโทร มาบอกว่ามันจะไม่ดีนะ แต่บอกก่อนล่วงหน้าตั้งสิบวัน เพราะฉะนั้นจึงต้องใช้เทคนิคอล เทคนิคอลช่วยกำหนดการซื้อให้เราได้ แล้วดูหุ้นที่พื้นฐาน ตอนขายเทคนิเคิลไม่เคยหลอกอีกเหมือนกัน
ไม่มีใครถูกเสมอและผิดตลอดไป
จากทั้งหมดนี้ ถ้าเราดูอย่างวิเคราะห์ คุณสมพงษ์บอกซื้อ คุณหมอบอกรออีกหน่อย ไม่มีใครถูกใครผิด เพราะมันวัดผลกันยาวๆ อย่างคุณสมพงษ์ บุคลิคเป็นคนจิตใจดี แตงโมบอกผมไปทำแมนชั่นดีกว่า นี่คือบุคลิคของคน
ดังนั้นคุณต้องถามตัวคุณเองก่อนว่าคุณเป็นคนอย่างไร
คุณสมพงษ์อดทน เค้าไปเยี่ยมชมบริษัท คุณทำแบบเขาได้หรือไม่ การมาพูดครั้งนี้คุณสมพงษ์เขียนมายี่สิบหน้า เวลาเขามองหุ้นเขามองสามปีถึงสิบปี มองเน้นคุณค่า
แต่ กรณีอย่างผมเล่นเก็งกำไร สมมุติว่าตอนนี้เวลาประมาณตีสาม ยังไม่เช้า ก็ยังมีเวลาเลือกซื้อ อย่างใจเย็นๆ แล้วจะรู้ว่าตีห้าได้อย่างไร
มันยากมากที่จะรู้ ตอนแรกผมก็เล่นน้อยก่อน ไม่ใช่ว่าทุ่มสุดตัวแล้วปรากฏว่า อ้าว โดนนิ้วอีกแล้ว 
หุ้นเด่นในดวงใจ
ทุกคนเล่นหุ้น ต้องมีหุ้นในดวงใจให้ได้ก่อน วันไหนที่คุณมีหุ้นในดวงใจคุณจะนิ่ง เหมือนเช่นเดียวกับคุณสมพงษ์ เขาจะสามารถ let profit run เยอะ เพราะทนได้ยาว เขาอึด วันไหนไม่มีหุ้นในดวงใจ รับประกันเลยว่าไม่มีทางรวยแน่ๆ พอซื้อเสร็จเห็นขึ้นไปช่องสองช่อง เห็นว่าโดนทุบมาล้านนึง เสร็จเลย ขายซะแล้ว พอขึ้นมาอีกหน่อยก็ไม่กล้าซื้อ หรือไม่ก็ซื้อน้อยลง ศึกษาเยอะๆ หาหุ้นในดวงใจให้เจอ
ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ สูงต่ำอยู่ที่ทำตัว
แล้วแต่ว่าเราเป็นคนอย่างไร ถ้าอยากชนะต้องศึกษาและรอบรู้ ต้องมีเพื่อนเยอะ ดูว่าเขาศึกษาอย่างไร เราจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็เรื่องของเรา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น อย่าโทษคนอื่น โทษตัวเราคนเดียว ใครทำอะไรย่อมได้สิ่งนั้น ถ้าคุณเล่นหุ้นปั่น สักวันถ้าคุณไม่เลิกสุดท้ายก็หมดตัว เพราะจุดจบของหุ้นปั่นคือหมดอยู่แล้ว บางครั้งเรารอดเพราะเขาเอาปืนแก็บยิงเรา  แต่วันไหนเอาแหครอบที่เดียวเราโดนแน่ อย่าตามหลังมวลชน ศึกษาเยอะ ๆ อ่านเยอะๆ มีหนังสือเยอะเลยตามร้านหนังสือ
ของฝากนักลงทุน
อย่าตามหลังมวลชน จุดที่มั่นใจที่สุดคือจุดที่อันตรายที่สุด จุดที่อันตรายที่สุดคือจุดที่ปลอดภัยที่สุด อย่าคิดคนเดียวอย่าตอบคนเดียวอย่าเล่นหุ้นคนเดียว ถามเองตอบเอง เออเองจัดการด้วยตนเองหมด สุดท้ายก็ตายเอง เราทำอะไรไว้เราก็จะได้สิ่งนั้น

ตัวอย่างความสำเร็จและความล้มเหลวจากเพื่อนฝูง
คนที่อายุเยอะแต่ไม่ยอมปรับตัว ประกอบอาชีพประสบความสำเร็จสุดท้ายล้มเหลวในหุ้น คนมีระเบียบวินัยมากศึกษาตลอดเวลามีความมั่นคง คนนี้เป็นนักแบตทีมชาติ เค้าก็ประสบความสำเร็จ อีกคนอ่อนน้อมถ่อมตน บริการคนตลอดเวลา ทุกคนรักไม่เคยเอาเปรียบเพื่อน คนนี้ก็ประสบความ สำเร็จ เพราะความเอื้อเฟื้อ จึงไม่มีคนไปหลอกอะไรเขา
ผมมีเพื่อนคนหนึ่งเขาไม่เก่งอะไรเลย แต่เขาเป็นคนที่ทุกคนรัก ก็ประสบความสำเร็จได้ ตัวอย่างคนที่ไม่ประสบความสำเร็จก็คือ คนที่ตรงกันข้ามตลอด พอเราบอกแบบนี้ มันก็คิดว่าเอ๊ะ มันต้องเป็นแบบนั้นนะ เป็นคนที่ไม่คิดอะไรลึกๆ ชอบสวนชาวบ้าน
เพราะว่าเหรียญมีสองด้าน เลยพูดได้หมด ไม่เคยโทษตัวเอง เป็นเจ้าของฉายา รู้อย่างนี้ หรือ รู้อะไรไม่เท่ารู้อย่างนี้
ตอนแรกมีหลายสิบล้านตอนนี้เหลือไม่เยอะแล้ว

อีกคนทำการบ้านตลอด คอยเช็คพอร์ตคนอื่นตลอดเวลา แอบดูพอร์ตคนอื่นตลอด เวลาคุยกับมาร์ก็ถามเรื่องของคนอื่น
สุดท้ายต้องไปตีกอล์ฟคนเดียวไม่มีเพื่อน ไปกินข้าวกับมาร์ยังต้องหารกันเลย แต่เค้าก็ประสบความสำเร็จได้
อีกคนย้ำคิดย้ำทำเสียดายตลอดเวลา เป็นคนละเอียดไม่เอาเปรียบใคร สุดท้ายก็ประสบความสำเร็จ

ที่พูดมาทั้งหมดก็คือ มันมีช่องทางของแต่ละคน แล้วแต่เราจะเลือกทางไหน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันคงไม่เกินความสามารถของพวกเราจะอยู่รอดต้องเป็นมืออาชีพ

          เป็นอย่างไรบ้างครับ สุโค่ยมั๊ยครับ นี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งของบทความชีวิตจริงของเสี่ยยักษ์น่ะครับ ถ้าอยากอ่านเต็มๆ ก็ลอง search หาอ่านกันดูได้เลยครับ ผมเชียร์!! ^___^

มีสองเซียน..ที่แตกต่าง..แต่รวยโคตร..
คนนึงรวย..เล่นถือยาว..หมอนิเวศน์..
อีกคนนึง..รวยเล่นรอบ..คือเสี่ยยักษ์..
อยากรู้จัก..เชิญหาอ่าน..สุขใจเอย..

ราตรีสวัสดิ์ครับ
Wizard Kid (aka.เทรดเดอร์เจ้ากวี)
26 August 2010
21:30 น.



 

No comments:

Post a Comment