สวัสดีครับมิตรสหาย S2M ทั้งขาจรและขาประจำ
ช่วงนี้เป็นช่วงวันหยุดยาว 5 วัน ผมก็หายไปหลายวันอยู่ ก็นั่งๆคิดว่า จะเขียนอะไรดี ขืนเขียนไม่โดนใจ เดี๋ยวจะโดนพี่ๆ กระตื๊บเอา แหะแหะ
วันนี้ขอเสี่ยงชีวิตตัวเองเข้าแลก ด้วยการเสนอความคิดเห็นของตัวเองเกี่ยวกับ “ทฤษฏีสมคบคิดของตลาดหุ้น” ครับ
ถึงแม้ว่าผมจะมีประสบการณ์ในตลาดหุ้นแค่ 2 ปี โดยเฉพาะตลาดสุดสวิงริงโก้อย่าง Future นั้น แต่ผมก็เริ่มสงสัยและคิดอย่างจริงๆจังเสียแล้วว่า ตลาดหุ้นเนี่ยะ มันไม่ได้เคลื่อนไหวตามธรรมชาติ อย่างที่มันควรจะเป็นหรอกครับ ผมก็เชื่อเช่นกันว่าทุกคนก็คงคิดคล้ายๆกัน แต่ไม่กล้าเอื้อนเอ่ย ได้แต่แอบเก็บไว้ในใจ ฮ่าๆๆ
ข้อสังเกตุข้อที่ 1 กองทุนนี้เพื่อใคร? เพื่อประชาชนหรือเพื่อพวกพ้อง?
ง่ายๆน่ะครับ แค่เห็นการบริหารกองทุนเงินเกษียณของบางประเทศ สมมติว่าชื่อ “กบก.” หรือ “กองทุนเงินบำรุงวัยใกล้เกษียณ” ก็แล้วกันครับ ถามว่าเงินเป็นหมื่นล้านแสนล้านเนี่ยะ มาจากไหน มันก็มาจากการรวมเงินคนทำงานในระบบทั่วทั้งประเทศนั่นแหล่ะครับ แล้วไอ้การที่คนดูแลกองทุนนี้จะทำให้เงินงอกเงย (เอ๊ะ! หรือว่าหล่นหายหว่า! ฮ๋าๆ) ส่วนหนึ่งก็มุ่งตรงไปที่ “ตลาดหุ้น” นั่นเองครับ
สมมติว่าผมมีเป็นสมาชิก “กบก.” ผมจะไม่ประท้วงหรือโวยวายอะไรแน่นอนครับ ถ้าผมเห็นว่ากองทุนมีทรัพย์สินลดลง เพราะมันคือธรรมชาติของการลงทุนที่ต้องมี ภาวะ “หมี” และ “กระทิง” ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องรับให้ได้ สำหรับคนที่ลงทุนในตลาดหุ้นครับ
แต่......มันก็มีเรื่องที่ไม่เข้าใจอยู่ดีครับ
ทำไมถึงมีการปล่อยให้ผู้บริหารกองทุนมีพอร์ทซื้อหุ้นส่วนตัวได้ และมี “กองทุนเพื่อพนักงาน กบก.” ไว้ทำซากอะไรก็มิทราบ ขอหงุดหงิดนิดนึงครับ
ภาษาตลาดหุ้น เค้าเรียกว่า พวกอาเฮีย ตัวเฮียทั้งหลาย เค้าจะทำสิ่งที่เรียกว่า “Front running” ครับ ก็คือการเคาะซื้อขายพอร์ทของตัวเอง ก่อนที่จะเคาะออเดอร์ให้ลูกค้าเรานั่นแหล่ะครับ
อาจจะฟังดูงงๆ งั้นผมจะยกตัวอย่างให้ดูน่ะครับ
สมมตุน่ะครับว่า กองทุนพี่บิ๊กเบิ้มอย่าง กบก. จะนำเงินพันกว่าล้านเข้าซื้อหุ้น ป. หรืออาจจะซื้อหุ้นในหมวดพลังงานทั้งหมด ซึ่งการซื้อด้วยเงินมหาศาลเช่นนี้ ย่อมจะทำให้ราคาหุ้นสูงขึ้นอย่างแน่นอน
แล้วทีนี้ ถ้าเกิดผู้บริหารซื้อหุ้นส่วนตัวเข้าไปก่อน และกองทุนเพื่อพนักงาน กบก. ก็ซื้อหุ้นตามมาหลังจากนั้น ตอนที่หุ้นราคา 100 บาทต่อหุ้น
จากนั้น พอ กบก. เริ่มเข้ามาซื้อหุ้น ป. ราคาก็ย่อมสูงขึ้นเป็น 110 หรือ 130 บาท พวกอาเฮีย ตัวเฮียและกองทุนพนักงาน ต่างก็เริ่มขายหุ้น ป. ออกไป...กำไรเนาะๆ 10-30% โดยที่ไม่จำเป็นต้องมานั่งศึกษา fundamental หรือ technical analysis กันให้เสียเวลาเลย
ครับ...กำไรขนาดนี้ใช้เวลากันไม่นานหรอกครับ อาจจะ 1-2 สัปดาห์แค่นั้นเองครับ...ง่ายสุดๆ
ที่ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ และผมเชื่อว่ามันเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ก็คือ การเข้ามายุ่งเกี่ยวของกลุ่มคนที่ชอบคิดว่าตัวเองคือผู้ปกครองประเทศ เป็นคนดีที่ใครๆก็แสนจะร๊ากกกกก
…..”นักการเมือง”…..นั่นเองครับ
ถ้านักการเมืองหัวเจ้าเล่ห์ ฉลาดแกมโกง มาคุยหรืออาจจะบังคับกับผู้บริหาร กบก. ให้ส่งข่าวให้ว่าจะซื้อหุ้นตัวไหน เขาก็จะชิงเข้าซื้อก่อนหนึ่งจังหวะ แค่นี้แหล่ะครับ เงินก็จะไหลเข้ากระเป๋า อย่างง่ายๆ สบายๆ ชิลๆ ไม่ต้องแกล้งโง่กันน่ะครับว่า เป็นนักการเมือง ยังไงเค้าก็ซื้อขายหุ้นไม่ได้...เถียงสุดใจครับ....
“นอมินี” ไงครับ...ใช้ชื่อคนอื่น ใช้บัญชีคนอื่นแทน แค่เนี่ยะแหล่ะครับ จบข่าว!! ส่วนเงินจะโอนกันยังไงนั่น...ก็ปล่อยให้มันเป็นไปตามกระบวนการการฟอกเงินที่ โอนเข้าไปนู่นไปนี่ สุดท้ายก็จับต้นตอที่มาไม่ได้อยู่ดี เหอๆๆ..ขนาดเด็กๆอย่างผมยังพอเดาได้ แล้วใครที่ไหนจะไปเชื่อลมปากพวกท่านครับ...ท่านผู้ทรงเกียรติเกรียนๆทั้ง หลาย...เหอๆๆ
ข้อสรุปของข้อสังเกตุแรกนี่คือ มันน่าแค้นใจน่ะครับ ที่คนทำงานในระบบทั้งหลาย ต้องถูกบังคับให้หักเงินบางส่วนเข้าไปสู่กองทุนเช่นนี้ แล้วมันน่าจับที่กระทำสิ่งเลวๆ เช่นนั้นมาลงโทษ มาประจานให้หนักๆไปเลยครับ เพราะตลาดหุ้น ตลาดเงินนั้น เป็นกลไกที่สำคัญมากในการที่จะช่วยพัฒนาประเทศครับ
เราจะทำอย่างไรที่จะป้องกันปัญหาทำนองนี้ได้? ใครก็ได้ช่วยที!!!
ทั้งหมดเป็นเรื่องประเทศอื่น จักรวาลอื่นน่ะครับ ไม่เกี่ยวกับบ้านเราแม้แต่น้อย อย่ามาฟ้องผมน่ะครับ ผมกลัว กลั๊ว กลัว!! แหะแหะ
พรุ่งนี้เรามาว่ากันต่อถึงข้อสังเกตุที่ 2 ของผมน่ะครับ คืนนี้เริ่มง่วงแล้ว
“..อันตลาด..นั้นลึกลับ..กว่าที่คิด..
..คาดเดาผิด..อาจถึงฆาต..ยากคาดเดา..
..อยากรวยเร็ว..มิยากดอก..กล้าถามเอา..
..กองทุนครับ..ซื้อตัวไหน..บอกผมที..”
ราตรีสวัสดิ์ครับ
Wizard Kid (aka.เทรดเดอร์เจ้ากวี)
14 August 2010
23:13 น.
วันนี้ผมได้รับ fw Mail หัวข้อ "อยากลาออกจาก กบข." ตรงประเด็นดีครับ ในฐานะที่ผมก็เป็นข้าราชาการคนหนึ่ง พอได้เข้ามาอ่านบทความนี้ ก็ถึงบางอ้อครับ ขอบคุณมากครับ :)
ReplyDeleteเหอๆ...ผมไม่ได้หมายถึง กบข. น่ะครับพี่...ผมแค่เสนอความคิดว่า มันเป็นไปได้ที่กองทุนลักษณะคล้ายๆกันแบบนี้ทั่วโลก จะสามารถทำกันได้...
ReplyDeleteผมเชื่อว่าการลงทุนที่ดีที่สุดคือ การลงทุนด้วยตัวเองครับ ไม่ต้องยืมมือคนอื่น เพราะถ้าเราเสีย เราเจ๊ง ก็ยังน่าภูมิใจกว่าไปเจ๊งด้วยมือคนอื่น ที่ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับเงินของเราครับ ^__^