"7 เทคนิค ฟันกำไร หุ้นเดย์เทรด"

"7 เทคนิค ฟันกำไร หุ้นเดย์เทรด"
ติดตามความเคลื่อนไหวของหนังสือ "7 เทคนิค ฟันกำไร หุ้นเดย์เทรด" คลิ๊กโลดครับ

Thursday, October 21, 2010

ปลุก!! สัญชาตญาณ ''นักล่า'' ในตัวคุณ (One Night Stand Discussion #30)


เวลาที่เราดูนักกีฬาอาชีพเก่งๆดังๆระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น โรเจอร์ เฟเดอร์เรอ, ราฟาเอล นาดาล,  
ไทเกอร์ วูดส์, เดวิด เบ็คแฮม, คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และนักกีฬาชื่อก้องโลกหลายๆคน เรามักจะสังเกตุว่า บุคคลเหล่านี้จะมีสิ่งพิเศษที่ทำให้เค้าโดดเด่นกว่านักกีฬาธรรมดาๆทั่วไป เป็นสิ่งที่เปรียบเสมือนเส้นบางๆที่คั่นกลางระหว่างนักกีฬาธรรมดากับนักกีฬาระดับโลก เป็นสิ่งที่ยากแก่การอธิบายว่าเค้าเหล่านั้นมีมาเพราะพรสวรรค์หรือพรแสวงกันแน่ 

...สิ่งๆนั้นคือสิ่งที่เรียกว่า
สัญชาตญาณ

ถูกต้องแล้วครับ เจ้าสัญชาตญาณนี่แหล่ะครับ คือสิ่งพิเศษที่แยกบุคคลธรรมดากับบุคคลพิเศษออกจากกัน ไม่ใช่เฉพาะแค่กับนักกีฬาเท่านั้นน่ะครับที่ต้องอาศัยสัญชาตญาณในการแข่งขัน

มนุษย์ทุกคนย่อมต้องอาศัยสัญชาตญาณ
เพื่อการแข่งขันและความอยู่รอดแทบทั้งสิ้น

นักลงทุนในตลาดหุ้นก็เช่นเดียวกันครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มนักลงทุนหรือเทรดเดอร์ที่นิยมชมชอบการเก็งกำไร (Speculator หรือ Day Trader) ที่อยากประสบความสำเร็จในสงครามการเก็งกำไรที่ไร้ความปราณี ไม่มีมิตรที่จริงแท้ และศัตรูที่ถาวร อย่าง ตลาดหุ้นนั้น ย่อมต้องมีเจ้า สัญชาตญาณติดตัวครับ เพราะการเก็งกำไรนั้น ดวงอย่างเดียวไม่พอหรอกครับ คุณต้องมีองค์ประกอบหลายๆอย่างที่จะทำให้คุณประสบความสำเร็จได้ และเจ้า สัญชาตญาณนี่แหล่ะครับ ที่เป็นชิ้นส่วนที่สำคัญยิ่งในองค์ประกอบเหล่านั้น

บางคนอาจจะแย้งว่าเจ้า สัญชาตญาณมันก็ไม่ต่างอะไรกับ ความรู้สึกไม่ใช่หรืออย่างไร
ขอฟันธงกับคอนเฟิร์มครับว่า ต่างกันมากมายมหาศาลเลยครับ 

เพราะ สัญชาตญาณ คือภาวะการตัดสินใจโดยฉับพลันที่เกิดมาจากการสั่งสม ประสบการณ์ส่วน ความรู้สึกเป็นเพียงการตอบโต้แบบทันควันที่ต่อยอดออกมาจากเสี้ยวหนึ่งของอารมณ์อีกทีครับ
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานให้ความรู้ไว้ว่า สัญชาตญาณ หมายถึง ความรู้ที่มีมาแต่กำเนิดของคนและสัตว์ ทำให้มีความรู้สึกและกระทำได้เองโดยไม่ต้องมีใครสั่งสอน
นั่นหมายความว่า 

สัญชาตญาณคือการตัดสินใจโดยมีเหตุผลรองรับ

ซึ่งเหตุผลเหล่านี้ก็ได้แก่ประสบการณ์จำนวนนับไม่ถ้วนที่สะสมและทับถมกัน อยู่ในจิตวิญญาณและสายเลือด ซึ่งมนุษย์ได้ถ่ายทอดสู่กันผ่านทางพันธุกรรมมารุ่นแล้วรุ่นเล่า รวมเป็นระยะเวลายาวนานที่สุดอย่างน้อยก็ห้าพันปี 

นั่นเท่ากับว่า สัญชาตญาณได้อยู่เคียงข้างเรามาแล้วตั้งแต่ก่อนเราเกิด นับตั้งแต่นาทีแรกที่มนุษย์คนแรกตัดสินใจตั้งถิ่นฐานบริเวณแหล่งน้ำแห่งแรก จวบจนกระทั่งถึงปัจจุบัน

ถึงแม้สัญชาตญาณบางอย่างจะไม่ได้เกิดขึ้นกับมนุษย์ทุกคน และมนุษย์ก็ไม่ได้มีสัญชาตญาณตอบสนองต่อเรื่องเดียวกันในแบบเดียวกันทุกคน

แต่อย่างน้อยที่สุด การที่มนุษย์ยอมรับการตัดสินใจโดยใช้สัญชาตญาณมากกว่าความรู้สึก ก็เป็นข้อพิสูจน์ว่ามนุษย์ทุกคนล้วนเห็นชอบกับการใช้เหตุผล...มากกว่าการใช้ อารมณ์” 

แต่การใช้เหตุผลอย่างเดียวอาจทำให้มนุษย์มีสภาพไม่ต่างอะไรกับหุ่นยนต์ หลายครั้งธรรมชาติจึงส่งอารมณ์และเหตุผลประดังเข้ามา ทำให้เราตัดสินใจอะไรได้ยากลำบากอยู่เสมอ

พอเห็นภาพคร่าวๆแล้วใช่มั๊ยครับ ว่า สัญชาตญาณที่ดีนั้นเกิดจากการสั่งสมประสบการณ์ที่เข้มขัน ไม่ว่าจะดีหรือร้าย มันก็คือสิ่งที่คุณได้จดจำบันทึกในสมองคุณเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

การเทรดหุ้นก็เช่นเดียวกันครับ เป็นสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เมื่อคนเราเริ่มลงมือเทรดใหม่ๆ การตัดสินใจหลายๆอย่าง มักจะตั้งอยู่บน ความรู้สึก ซะเป็นส่วนใหญ่ แต่ลองดูน่ะครับ เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จที่ผมได้เคยอ่านประวัติและที่ผมรู้จักนั้น มักจะบอกสิ่งๆเดียวกันเลยครับว่า เมื่อถึงจุดๆนึงของการเทรด การตัดสินใจบางอย่างลงไป ก็อธิบายไม่ได้ว่าเป็นเพราะเหตุใด จะเรียกว่าความรู้สึกก็ได้ แต่มันก็แตกต่างจากความรู้สึกสมัยที่เค้าเหล่านั้นเทรดกันใหม่ๆ

นั่นแหล่ะครับคือ สัญชาตญาณการเทรดที่แท้จริง 

อันนี้ผมขอยืนยันครับว่ามันคือเรื่องจริง เพราะบางทีการที่คุณต้องตัดสินใจอะไรภายในกรอบระยะเวลาที่จำกัดมากๆ อาจจะเป็นนาทีหรือเป็นวินาทีเลยก็ได้นั้น  ความรู้สึกหรืออารมณ์ชั่ววูบในการตัดสินใจ อาจจะทำให้คุณผิดพลาดและขาดทุนได้เลยครับ...เพราะคุณใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผลนั่นเอง

ในทางกลับกัน...เมื่ออยู่ในภาวะตลาดคับขันไม่ว่าจะขึ้นแรงมากๆ หรือลงแรงสุดๆ เทรดเดอร์และนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จนั้น ย่อมจะรู้ว่า ควรจะขายที่จุดใดและควรซื้อคืนที่จุดไหนครับ โดยอาศัยสัญชาตญาณที่เกิดจากการสั่งสมประสบการณ์มานั่นเอง

ยกตัวอย่างน่ะครับ...ในวันที่ตลาดหุ้นโดนถล่มขายหนักเนื่องจากข่าวลือเรื่องมาตรการควบคุมค่าเงินนั้น ถ้าหากคุณเป็นเทรดเดอร์มือใหม่หรือเป็นคนที่ใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผลในการเทรด...แน่นอนได้เลยครับว่าคุณจะต้องตกใจ ตื่นตระหนก รีบขายหุ้นทิ้ง ตัดขาดทุน และไม่กล้าที่จะซื้อกลับคืน...สุดท้ายก็อย่างที่เห็นครับว่า คุณโดนเจ้ามือหลอก!! เพราะหุ้นก็ดีดกลับมาแรงกว่าเดิม

แต่หากว่าคุณเป็นเทรดเดอร์ที่ผ่านสังเวียนมาพอสมควร คุณย่อมอ่านเกมส์ออกว่ารีบขายทิ้งก่อน แล้วหาจังหวะซื้อคืนแล้วทำกำไรใหม่อีกรอบ แล้วคุณก็จะชนะตลาดนั่นเอง!!
จังหวะซื้อคืนนี่แหล่ะครับ ที่ต้องใช้ สัญชาตญาณพอสมควรเลย

เรื่อง สัญชาตญาณสำหรับผมแล้ว ถือว่าเป็นเรื่องที่อธิบายยากที่สุด แต่อยากจะให้มิตรสหายทุกท่านได้ลองนึกดูว่า การตัดสินใจแต่ละครั้งทั้งในการลงทุนหรือการใช้ชีวิตประจำวันของคุณนั้น คุณใช้ อารมณ์ชั่ววูบหรือ สัญชาตญาณกันแน่ครับ

หากคุณใช้..อารมณ์ชั่ววูบ..คุณจะพบกับความผิดพลาดและหายนะอย่างแน่นอน
..แต่..
หากคุณใช้..สัญชาตญาณ..ที่เกิดจากประสบการณ์ที่สั่งสมมาอย่างดีและมีเหตุผลแล้ว

...คุณแทบจะสะกดคำว่า ผิดพลาดไม่เป็นอีกเลยในชีวิตของคุณ..

ถึงแม้จะต้องใช้เวลานานแค่ไหนในการค้นหา สัญชาตญาณของตัวคุณ คุณก็ต้องอดทนเพื่อที่จะได้มันมา เพราะเมื่อคุณมี สัญชาตญาณติดตัวแล้ว...

..จาก ผู้ถูกล่า คุณก็ย่อมจะกลายเป็น ผู้ไล่ล่าในบัดดลครับ..

Wizard Kid
21 October 2010
00:09 น.

No comments:

Post a Comment