Wizard Kid: แต่น แตน แต่น แต๊น!!! มาที่สไลด์สุดท้ายกันเลยครับ สุดท้ายแว้ววว!!
ภาววิทย์: ดูหนุ่มพีร์จะตื่นเต้นเป็นพิเศษน่ะ สงสัยอยากจบการพูดเร็วๆแหงๆ เอิ๊กๆๆ
Wizard Kid: ไม่หรอกครับพี่ แค่เห็นใจพี่ๆที่ต้องมาทนฟังเด็กที่ไหนก็ไม่รู้ แค่นั้นเอง หุหุ
ป๋ากิ้ง: ฮั่นแน่.!! มันแอบน้อยใจเล็กๆน่ะเนี่ยะเจ้าพีร์! อย่าซีเรียส ลุยต่อโลดน้อง หนุกหนานๆ
Wizard Kid: โอเคครับ! สไลด์สุดท้ายผมก็จะขอพูดเรื่อง
“ข้อคิดก่อนจาก ข้อเตือนก่อนลา”
Wizard Kid: ไหนๆ เราก็ได้รู้กันเรื่องหลักการเป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จแล้ว ผมก็ขอพูดเรื่องวิธีการรักษาความสำเร็จนั้นให้ยั่งยืนกันต่อเนื่องเลยครับ ง่ายๆครับ แต่ทำได้ยากมากถึงมากที่สุดครับ
ภาววิทย์: ไหนๆ ลองพูดมาซิ พี่ว่าไม่ยากหรอก เหมือนที่พี่เบิร์ดชอบพูดว่า “ก็ลองซิจ๊ะ น่ะจ๊ะ มันจะไปยากอะไร ทำไมไม่ลองดูซักที” หุหุ
Wizard Kid: แหม! พี่แพท มาแนวนี้ ผมก็ต้องรีบสนองแล้วครับ อิอิ
Wizard Kid: ข้อแรกเลยน่ะครับ นักลงทุนทุกคน ย้ำ! ว่าทุกคน! ก็คือ
คุณต้องคิดเสมอว่าคุณคือ “มนุษย์ธรรมดา”
ป๋ากิ้ง: เอ่อ....ผมว่าตอนนี้เราก็เป็นมนุษย์ธรรมดาน่ะ..เอิ๊กๆๆ
Wizard Kid: แหม..พี่ป้อมครับ ผมหมายถึง ในแง่ของนักลงทุนครับ เพราะจากประสบการณ์ทั้งทางตรงและทางอ้อมเนี่ยะ ผมมั่นใจเลยว่า มันจะมีจุดๆหนึ่งของการลงทุนที่เมื่อคุณทำกำไรได้เรื่อยๆหรือได้กำไรก้อนโต....แทบทุกคนจะเริ่มมีความคิดเข้าข้างตัวเองว่า “เรานี่มันเซียน” “เรานี่มันเทพ” หรือ “โอ๊ย! เล่นยังไงก็ได้แต่กำไร เก่งจริงๆตัวเรา”
แน่นอนครับ ผมเองก็เคยผ่านจุดนั้นมาแล้ว ซึ่งผมก็ได้เรียนรู้ว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณคิดเช่นนั้น คุณก็กำลังเข้าใกล้จุดวิกฤติของการลงทุนครับ
ภาววิทย์: จุดวิกฤติของการลงทุน? มันจะแย่ยังไงน้อง ในเมื่อ ณ ตอนนั้น ทุกคนก็รวยๆกันแล้ว
Wizard Kid: คืองี้ครับพี่แพท มันคือจุดอันตรายสุดๆ เพราะเมื่อคุณอยู่ในภาวะที่ Over Confident หรือมั่นใจสุดขีดเนี่ยะ สิ่งที่คุณจะลืมหรือเสียมันไปแน่นอนก็คือ วินัยการเทรด นั่นเองครับ
ภาววิทย์: เสียวินัยการเทรดยังไงรึ?
Wizard Kid: ก็จะเป็นแนวที่ว่า จากที่เคยควบคุมการลงทุนหรือการเทรดในแต่ละครั้ง เช่นจากที่เคยเทรดหุ้นครั้งแรกที่ 10% ของเงินลงทุน แต่เมื่อคุณอยู่ในภาวะมั่นใจสุดขีดถึงขีดสุด คุณก็อาจจะเปลี่ยนไปเทรดที่ 50% ของเงินลงทุนเลยก็ได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่อันตรายอย่างยิ่งเพราะ ถ้าเกิดคุณเลือกลงทุนผิดตัว แล้วหุ้นที่คุณเลือกมันเกิดเจอแรงขายลงแรงๆขึ้นมา คุณก็จะไม่กล้าคัทลอส ตัดขาดทุน เพราะคุณจะคิดว่า “นี่มันเงินตั้ง 50% ของเงินลงทุนชั้นน่ะ ถ้าชั้น Cut Loss ไปแล้ว เงินก็จะหายไปเยอะเลย ไม่เอาแระ ถือไปดีกว่า เดี๋ยวมันก็คงกลับมาที่ราคาต้นทุนอยู่ดี”
นี่แหล่ะครับคือจุดเริ่มต้นของจุดจบอย่างแท้จริง!!! เพราะคุณจะเริ่มย้านนิเวศณ์สถานของคุณจากบ้านหรูไฮโซ ไปอยู่กับชาวเขา “บนดอย!!” หรือไม่ก็ “หมดตัว” ได้เลยครับ พอเห็นภาพมั๊ยครับ?
ป๋ากิ้ง: อืม..แสดงว่าการที่มั่นใจสุดขีดเนี่ยะ มันก็จะทำให้คนเราขาดสติได้จริงๆน่ะเนี่ยะ
Wizard Kid: ถูกต้องที่สุดครับ ที่คนส่วนใหญ่หมดตัวในการเทรดเนี่ยะ เพราะขาดวินัยเทรด ขาดสติในการลงทุนครับ เมื่อมั่นใจมาก ก็จะโลภมาก แล้วลาภก็หายหมด!!
ทุกคน: T________________T” (น้ำตาซึม ไม่ใช่เพราะซึ้ง แต่เพราะแค้น เพราะเคยหมดตัวกันมาแทบทั้งนั้น เอิ๊กๆๆ ล้อเล่นค้าบบ)
Wizard Kid: ดังนั้นแล้ว จำให้ขึ้นใจน่ะครับว่า
“เราคือมนุษย์ธรรมดา ไม่ใช่เทพ ไม่ใช่เซียน
มีผิดพลาดได้ มีได้ ก็มีเสีย เป็นของคู่กัน”
Wizard Kid: ต่อเนื่องกันเลยครับกับข้อควรจำข้อที่สอง ก็คือ ยามที่คุณประสบความสำเร็จ คุณก็
“อย่าลืมรักษาอารมณ์ตอนทำกำไรติดๆกัน และจดจำความรู้สึกในยามที่คุณเจ๊ง”
ป๋ากิ้ง: ฟังเหมือนจะเข้าใจน่ะ แต่ก็ยังงงๆ น้องพีร์หมายความว่าไงรึ?
Wizard Kid: อืม...เอาเป็นว่า มันก็คล้ายๆกับสัญชาติญาณการเทรดครับ เช่น เมื่อเราผ่านการเทรดมาทุกรูปแบบแล้ว ไม่ว่าจะขาดทุนเจ๊งบ๊ง กำไรบานเบอะ หรือเจอการสวิงๆของตลาดในทุกแนวแล้วเนี่ยะ เมื่อเราเจอตลาดแบบเดิมอีกครั้ง...มันก็คือ เดจาวู (Dejavu) ดีๆนี่เองครับ
เพราะเราจะรู้ได้ทันทีว่า ลักษณะของตลาดแบบนี้ เราเคยเจอมาแล้ว แล้วมันเคยทำกำไรให้เราได้หรือมันเคยทำให้เราขาดทุนป่นปี้มาแล้ว...ดังนั้นแล้วเนี่ยะ การจดจำความรู้สึกเช่นนั้นไว้เสมอ ก็จะเป็นผลดีต่อตัวนักลงทุนเองครับ เพราะมันจะช่วยให้การเทรดของคุณดีขึ้นจนคุณเองก็ต้องตะลึง ตึง ตึง แน่นอน ^____^
ป๋ากิ้ง: Yes sir!! ทราบแล้วเปลี่ยนขอรับกระผม!
Wizard Kid: มาที่ข้อสุดท้าย และเป็นบทสรุปของการเป็นวิทยากรของผมในวันนี้น่ะครับ ก็คือ
“ตลาดหุ้นไม่มีการเล่นที่ตายตัว ต้องกล้าที่จะยอมรับการเปลี่ยนแปลงเสมอ”
ข้อนี้จริงยิ่งกว่าจริงครับ.. เพราะหากคุณมัวแต่ยึดติดกับอดีตแล้วเนี่ยะ คุณก็อาจจะหลอกตัวเองได้ครับ จริงอยู่ว่านักลงทุนรุ่นใหญ่ระดับเซียนหลายท่านมักจะพูดว่า “History Repeat Itself” หรือ “อดีตย่อมหวนคืนมา” อาจจะเป็นความจริงที่ผมก็ยอมรับว่าเป็นจริงเช่นกัน
แต่...! มันก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะเป็นเช่นนั้นเสมอ เพราะในยุคปัจจุบัน อะไรๆก็เป็นสิ่งแปลกใหม่ และพัฒนาไปในแนวโน้มที่แหวกแนวและล้ำหน้าไปเรื่อยๆ ดังนั้นแล้วเนี่ยะ ถ้าเรามัวแต่ยึดติดกับอดีตมากเกินไปแล้ว เราก็อาจจะพลาดสิ่งๆดีๆไปได้ครับ
ทุกคน: ฮิ้ววววว (ไอ้เจ้าเด็กคนนี้ มันพูดนอกเรื่องไปไกล เลยขอฮาหน่อย ฮ๋าๆ)
Wizard Kid: เหอๆ คืองี้ครับ สมมติว่า ราคาสูงสุดในอดีตของหุ้น A คือ 10 บาท แล้วหลังจากประสบปัญหาหนักๆ ไม่ว่าจะภายในและภายนอกบริษัทแล้วเนี่ยะ ราคาหุ้น A ได้ทิ้งดิ่งไปเหลือ 0.01 บาทเนี่ยะ...แล้วเราถามว่าถ้า History Repeat Itself แล้ว...ราคาหุ้น A จะกลับไปที่ 10 บาท หรือ 1 บาทได้หรือไม่? คำตอบคือ เป็นไปได้! แต่...ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ อาจจะเป็นรุ่นเหลนของคุณก็เป็นไปได้ครับ! ฮ่าๆๆ
ที่ผมอยากจะสื่อถึงก็คือ...รูปแบบการไหลของราคาของหุ้นแต่ละตัวนั้น อาจจะเหมือนหรือไม่เหมือนในอดีตก็เป็นไปได้ทั้งนั้นครับ ที่สำคัญคือ เราต้องหมั่นศึกษาข้อมูลใหม่ๆ รับรู้ความเป็นไปของตลาด ณ ปัจจุบัน และนำแนวโน้มในอนาคตมาวิเคราะห์แล้วย้อนกลับไปเปรียบเทียบกับเหตุการณ์ในอดีตว่ามันสอดคล้องกันหรือไม่...ถ้าใช่..ก็น่าลงทุนครับ แต่ถ้าไม่..แนะนำว่าให้ไปหาหุ้นตัวอื่นเล่นดีกว่าครับ แหะแหะ
สุดท้ายก็คือ...ตลาดหุ้นในปัจจุบันนั้น ได้พัฒนาไปอย่างก้าวไกลครับ มีเครื่องเทรดใหม่ๆ รูปแบบการรับข่าวสารหลายช่องทางรวมไปถึงการเปิดคอร์สอบรมสัมมนาให้ความรู้นักลงทุนกันอย่างกว้างขวาง ฉะนั้นแล้ว...ก็คิดเอาแล้วกันว่า จะอยู่นิ่งเฉย ปล่อยให้โอกาสในการเรียนรู้หลุดลอยไป หรือจะคว้ามันไว้ เพื่อที่เราจะได้ไม่เป็นกบในกะลา จะได้ทันคนอื่นครับ
ขอบคุณครับที่ให้โอกาสผมได้มาแชร์ไอเดียในวันนี้ รักน่ะ จุ๊บๆ ^__^
ทุกคน: แปะ แปะ แปะ แปะ แปะ ^____^
ป๋ากิ้ง: ขอบคุณน้องพีร์มากๆที่มาแชร์ประสบการณ์กันครับ งั้นก่อนจากพี่ขอถามหน่อยว่า “เป้าหมายในชีวิตต่อจากนี้ คืออะไร?”
Wizard Kid: อืม...สำหรับผมน่ะ...อยากได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสุดยอดเทรดเดอร์ของเมืองไทย ระดับตำนานครับ แหะแหะ...
แต่...อยากเป็นเทรดเดอร์ในตำนานในด้านของการเป็น “ผู้ให้” ครับ
ป๋ากิ้ง: เป็นผู้ให้? ยังไงอ่ะน้อง
Wizard Kid: ก็อย่างแรกที่ผมภูมิใจมากๆก็คือ ผมได้เป็น “ผู้ให้ความรู้” ที่เกิดจากประสบการณ์ตรงของผมแก่พี่ๆ เพื่อนๆ นักลงทุนทุกท่านทั้งที่ในงานสัมมนาและในเว็บ stock2morrow ครับ
อย่างที่สองก็คือ...ผมวางแผนว่า ถ้าเกิดผมมีเงินในระดับที่ใช้ยังไงก็หมดเนี่ยะ สมมติว่า 100 ล้านบาทน่ะครับ (สาธุๆๆๆ ขอให้มีจริงๆเต๊อะ หุหุ)
ผมก็จะนำเงินส่วนนึง อาจจะซัก 20 ล้านบาท มาเปิดกองทุน “เทรดเดอร์ให้น้อง น้องคืนสังคม” ครับ
ป๋ากิ้ง: กองทุนชื่อน่าสนใจน่ะ เป็นอย่างไร?
Wizard Kid: ผมก็คิดเล่นๆน่ะครับพี่ป้อมว่า แทนที่ผมจะเอาเงิน 20 ล้านไปสอยเฟอร์รารี่หรือแลมโบกีนี่ แล้วมีความสุขกับวัตถุอยู่คนเดียว ผมก็จะนำเงิน 20 ล้านไปให้ทุนการศึกษาแก่ผู้ที่มีความรู้ความสามารถแต่ขาดทุนทรัพย์ ให้เค้าเรียนในสิ่งที่เค้ารักให้ถึงที่สุด แต่ต้องอยู่ในเงื่อนไขที่ว่า เก่งอย่างเดียวไม่พอ ต้องเป็นคนดีต่อสังคมด้วย...
ยกตัวอย่างน่ะครับ...หากเค้าอยากเป็นตำรวจ ผมก็จะสนับสนุนให้เค้าเป็น แต่ต้องเป็นตำรวจที่ดี ไม่คดโกง ช่วยเหลือประชาชน (ขอให้ตำรวจไทยเป็นแบบนี้ทุกคนเต๊อะ)
หากเค้าอยากเป็นนักธุรกิจ ก็ต้องให้เค้าเป็นนักธุรกิจที่ไม่เห็นแก่ตัว ต้องเห็นแก่ส่วนรวมด้วย
หากเค้าอยากเป็นนักการเมือง ก็ต้องสอนให้เค้าเป็นนักการเมืองที่ใสสะอาด จริงใจที่จะช่วยเหลือประชาชน ไม่ทุจริตโกงกินแม้แต่เศษเสี้ยวของก้อนอิฐก้อนปูน และกล้ายอมรับผิดต่อสิ่งที่ตนกระทำลงไป...พูดง่ายๆคือ “ต้องเป็นลูกผู้ชาย” นั่นเองครับ
ป๋ากิ้ง: สุโค่ย!!
Wizard Kid: อีกนิดครับ...เมื่อผมได้เป็นผู้ให้แล้ว...คนที่ผมให้โอกาสไป ก็ต้องเป็นผู้ให้ต่อๆไปครับ ถ้าทำได้ สังคมไทยก็จะไม่เป็นอย่างที่เราเห็นในทุกวันนี้ครับ สิ่งดีๆก็จะเกิดขึ้นครับ เชื่อผมเถอะ ทำดีกันต่อไป ให้ได้ก็ให้ เพราะการให้ที่ไม่หวังผลตอบแทนและให้อย่างไม่สิ้นสุด คือสุดยอดของความดีที่มนุษย์ควรกระทำครับ
ขอบคุณคร้าบบบบบ
ทุกคน: ฮิ้ววววววววววว แปะ แปะ แปะ ^______^
Wizard Kid (aka.เทรดเดอร์เจ้ากวี)
30 September 2010
23:40 น.
30 September 2010
23:40 น.
No comments:
Post a Comment