ห่างหายไปพอสมควรสำหรับบทความที่เกี่ยวกับการลงทุนครับ...วันนี้ก็จัดให้ซะหน่อย เป็นเรื่องเกี่ยวกับ การเทรดแบบมีจุดตัดขาดทุน (Stop Loss) และการเลื่อนจุดตัดขาดทุน (Trailing Stop) ครับ วิธีที่ผมจะอธิบายนี่ไม่เกี่ยวกับกราฟเลยน่ะครับ ใช้แค่วินัยเทรดและความเสี่ยงในการเทรดต่อครั้งที่คุณรับได้ ก็เท่านั้นเอง
...พร้อมแล้วชิมิ!! งั้นไปลุยกัน!!!...
จากประสบการณ์เทรดอันน้อยนิดมหาศาล (สรุปว่าน้อยหรือมากหว่า ฮ๋าๆๆ) ผมได้ข้อสรุปอย่างนึงครับว่า...
นักลงทุนแทบทุกคนไม่มีปัญหา...เวลาซื้อ
แต่มักจะตายน้ำตื้น...เวลาขาย...หรือ...ตัดขาดทุน
จริงอยู่ครับ...ตลาด ณ จุดนี้ (SET อยู่ที่ประมาณ 1130 – 1150 จุด) เป็นตลาดขาขึ้นในภาพใหญ่ หลายๆคนก็อาจจะพูดว่า...ซื้อหุ้นตัวไหนก็ได้ ถ้ามันลงมาหลุดราคาต้นทุนลงไปซัก 10 – 20%...เราก็ไม่ต้องขาย ขายทำไม ถือไปเถอะ เดี๋ยวมันก็ขึ้นกลับมาใหม่...
ถูกต้องครับ...มันขึ้นอยู่แล้ว..เพราะมันคือตลาดขาขึ้น!!
แต่..!! ขอเตือนเลยครับ...ยามที่ตลาดขาลงมาเยือน...ถ้าคุณไม่ขาย ดื้อถือไปเรื่อยๆ...การันตีได้ว่า...คุณได้ถือหุ้น เฝ้าหุ้น เป็นปีๆแน่นอน...เผลอๆเจ๊งหมดตัว หุ้นไม่ขึ้นมาอีกเลยก็เป็นไปได้
ถูกต้องครับ...มันขึ้นอยู่แล้ว..เพราะมันคือตลาดขาขึ้น!!
แต่..!! ขอเตือนเลยครับ...ยามที่ตลาดขาลงมาเยือน...ถ้าคุณไม่ขาย ดื้อถือไปเรื่อยๆ...การันตีได้ว่า...คุณได้ถือหุ้น เฝ้าหุ้น เป็นปีๆแน่นอน...เผลอๆเจ๊งหมดตัว หุ้นไม่ขึ้นมาอีกเลยก็เป็นไปได้
ดังนั้นแล้ว..ไม่ใช่เรื่องเสียหายแต่อย่างใด ที่เราจะควรมีความรู้เรื่องการตัดขาดทุนและการเลื่อนจุดตัดขาดทุน...ต่อให้คุณไม่มีความรู้เรื่องกราฟเทคนิค เทคโน อาชีวะ ก็ตามที...
...คุณก็ตัดขาดทุน...หรือสามารถ Let Profit Run ได้อย่างไม่ต้องกังวลใดๆ...
...คุณก็ตัดขาดทุน...หรือสามารถ Let Profit Run ได้อย่างไม่ต้องกังวลใดๆ...
วิธีนี้...ผมการันตีครับว่า...เมื่อคุณเลือกหุ้นที่ชอบแล้ว...คุณเคาะซื้อปุ๊บ...คุณไม่ต้องมานั่งเฝ้าหน้าจอแทบทุกนาทีเลยครับ...เพราะอะไร อ่านจบคุณจะรู้เอง...ถ้าไม่รู้...อ่านใหม่!! อิอิ
..ขออธิบายโดยใช้เหตุการณ์สมมติน่ะครับ เพื่อความง่ายในการเห็นภาพ..
สมมติว่านักลงทุน P ได้ซื้อหุ้น X ที่ราคา 10 บาท โดยที่นักลงทุน P สามารถรับความเสี่ยงในการขาดทุนในการลงทุนในหุ้น X ได้ที่ 10 เปอร์เซนต์เท่านั้น...ก็คือ 9 บาท...ต่ำกว่านี้..ตัดขาดทุน!!
ต่อมา...ราคาหุ้น X ได้ร่วงมาอยู่ที่ 9.20 บาท...ถามว่านักลงทุน P ต้องทำอย่างไร?
…เครียดประสาทแด๊ก?...นอยด์โทรหามาร์?...ป๋าขาช่วยหนูที?...555
สมมติว่านักลงทุน P ได้ซื้อหุ้น X ที่ราคา 10 บาท โดยที่นักลงทุน P สามารถรับความเสี่ยงในการขาดทุนในการลงทุนในหุ้น X ได้ที่ 10 เปอร์เซนต์เท่านั้น...ก็คือ 9 บาท...ต่ำกว่านี้..ตัดขาดทุน!!
ต่อมา...ราคาหุ้น X ได้ร่วงมาอยู่ที่ 9.20 บาท...ถามว่านักลงทุน P ต้องทำอย่างไร?
…เครียดประสาทแด๊ก?...นอยด์โทรหามาร์?...ป๋าขาช่วยหนูที?...555
ตอบแทนเลยครับว่า...นักลงทุน P จะไม่เครียด ชิลๆ สบายๆ เพราะอะไรนั่นหรือครับ...ก็เพราะ
ราคายังไม่ถึงจุด Stop Loss ที่ตั้งไว้นั่นเอง!!
สิ่งที่เกิดขึ้นต่อจากนั้น จะมี 2 กรณีทั้งแบบ Best Case และ Worst Case น่ะครับ
ราคาหุ้น X ร่วงไปถึง 9 บาทหรือหลุด 9 บาท...ในกรณีนี้...นักลงทุน P จะยอม Stop Loss ทันที โดยที่ไม่สนใจว่า หุ้นอาจจะรีบาวน์หรือดีดกลับได้ในอนาคต...เพราะวินัยการลงทุนของนักลงทุน P คือ ถ้าถึงจุดตัด ก็ต้องตัด!! ไม่ต้องเสียดายครับ หุหุ
โอเคว่า...ราคาอาจจะดีดกลับทันทีก็ได้...อันนี้แล้วสำหรับเทรดเดอร์ ถือว่าเป็นเรื่องที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ไม่ต้องซีเรียสครับ
โอเคว่า...ราคาอาจจะดีดกลับทันทีก็ได้...อันนี้แล้วสำหรับเทรดเดอร์ ถือว่าเป็นเรื่องที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ไม่ต้องซีเรียสครับ
แต่จะซีเรียสและเซ็งที่สุดถ้าไม่ยอมทำตามวินัยตัดขาดทุน...เพราะราคาหุ้นอาจจะร่วงต่อจาก 9 บาท ไปสู่ 5 บาท หรือต่ำกว่านั้นก็ได้...ใครจะไปรู้!!
ไม่มีใครรู้อนาคตหรอกครับ...แต่อย่างน้อย
หากคุณมีวินัยเทรด...คุณก็กุมอนาคตตัวเองไว้
Best Case
ราคาหุ้นหยุดนิ่งสร้างฐานที่ 9.20 บาทมาสักระยะ จากนั้นก็เจอแรงซื้อกลับมหาศาล จนราคาทะลุ 10 บาท ไปยืนที่ระดับ 11 บาท...ณ จุดนี้นักลงทุน P ก็มี unrealized profit อยู่ที่ 1 บาทหรือกำไร 10% นั่นเอง...ว้าวว!!
แต่ช้าก่อน!!...ถ้าตามสูตรลงทุนแนวนี้...นักลงทุน P จะไม่ขายครับ...แต่จะเลื่อนจุดตัดขาดทุนขึ้นมาทันที โดยคำนวนจุด Stop Loss ใหม่จาก
แต่ช้าก่อน!!...ถ้าตามสูตรลงทุนแนวนี้...นักลงทุน P จะไม่ขายครับ...แต่จะเลื่อนจุดตัดขาดทุนขึ้นมาทันที โดยคำนวนจุด Stop Loss ใหม่จาก
ราคาปัจจุบัน - (ราคาปัจจุบัน X Stop Loss ที่นักลงทุนรับได้)
ดังนั้น จุด Stop Loss ใหม่ของนักลงทุน P คือ 11 บาท – (11 บาท X 10%) = 9.9 บาท!!
สังเกตอะไรมั๊ยครับว่า...ถ้าเกิดราคาหุ้นร่วงมาที่ 9.9 บาท อีกครั้ง นักลงทุน P ขาดทุนแค่ 1% เท่านั้นเอง...สิ่งนี้แหล่ะครับคือ Trailing Stop!!
แล้วเจ้า Trailing Stop นี่ มีประโยชน์อย่างไร...สำหรับผมแล้ว ผมมองว่าถ้าหุ้นที่เราถืออยู่เป็นหุ้นดีเด่น สุโค่ย! คุณก็จะสามารถเกาะขบวนรถด่วนเหาะเวหาได้ยาวนานที่สุดครับ
เช่น...ต่อมาราคาหุ้น X ดีดจาก 11 บาท ไปถึง 15 บาท โดยระหว่างทางก็มีการย่อบ้างอะไรบ้าง แต่นักลงทุน P ก็ยังไม่ขาย เพราะจุด Trailing Stop ของนักลงทุน P อยู่ที่ 10% ของราคาปัจจุบัน
เพื่อให้ง่ายต่อการเห็นภาพ ผมเลยทำตารางง่ายๆมาให้ดูกันครับ
Stop Loss (Trailing Stop) | 10% | ||
จุดขายตัดขาดทุน (ทำกำไร) | P/L (%) | ||
ราคาซื้อ | 10 | 9 | -10% |
ราคาปัจจุบัน | 11 | 9.9 | -1% |
12 | 10.8 | 8% | |
13 | 11.7 | 17% | |
14 | 12.6 | 26% | |
15 | 13.5 | 35% | |
20 | 18 | 80% |
เห็นแล้วใช่มั๊ยครับว่า ถ้าคุณมีวินัยเทรดที่ดีเยี่ยม คุณมีจุด Stop Loss และ Trailing Stop ที่ดีแล้วนั้น คุณจะมี Limit Loss but unlimited gain หรือคุณจะกำหนดเงินที่คุณมีโอกาสเสียได้ แต่คุณก็จะมีโอกาสทำเงินได้มหาศาลเช่นกันครับ
ที่สำคัญคือ...
...จากจุด Trailing Stop ที่มีไว้เลื่อนจุดตัดขาดทุน...
...ก็จะกลายเป็นจุด Taking Profit ทำกำไรในทันที...
...แหล่มเลย...!!
ส่วนที่ผมกล่าวมาในบทนี้..นักลงทุนหลายๆท่านอาจจะนำไปประยุกต์ได้หลากหลายครับ...จุด Stop Loss และ Trailing Stop นั้น จะเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ก็ได้ ขึ้นอยู่กับความเสี่ยงที่นักลงทุนแต่ละท่านจะรับได้...
ถ้าคุณรับความเสี่ยงได้มาก...คุณก็เพิ่มเปอร์เซ็นต์ Stop Loss เพื่อที่ในกรณีที่คุณซื้อหุ้นถูกตัว...จุด Trailing Stop ของคุณก็จะมากขึ้นด้วย โอกาสที่คุณจะทำกำไรมหาศาลก็มีมากเช่นกัน...ถ้าหุ้นตัวนั้นวิ่งแรง วิ่งฉิว...เผลอๆได้กำไรมากกว่า 100% ก็เป็นได้...สาธุๆๆๆ อิอิ
ถ้าคุณรับความเสี่ยงได้น้อย...ก็ตั้งจุด Stop Loss น้อยๆ โอกาสขาดทุนหนักๆ ก็จะไม่มีครับ ส่วนโอกาสทำกำไร ก็คงต้องแล้วแต่สไตล์การวิ่งของหุ้นตัวนั้นๆครับ
...เห็นมั๊ยครับ...วิธีนี้ผมว่าเหมาะสำหรับนักลงทุนที่ไม่ถนัดกราฟน่ะครับ...ใช้ได้ง่าย ทำได้จริง แต่สุดท้ายแล้ว...อยู่ที่ว่า...คุณจะคุมอารมณ์ตัวเองได้หรือไม่ ในยามที่ราคาหุ้นวิ่งผันผวน แต่ยังไม่แตะจุดที่คุณต้อง Stop Loss หรือ Trailing Stop ไว้ครับ
ราตรีสวัสดิ๋คร้าบบ ^_^
Wizard Kid (พีร์ บุญชนะวิวัฒน์)
22:11 น.
1 สิงหาคม 2554
Wizard Kid (พีร์ บุญชนะวิวัฒน์)
22:11 น.
1 สิงหาคม 2554
มันง่ายอย่างนี้เอง นั่งลากเส้นกราฟเองงงๆ แบบนี้ดีกว่าเยอะเลย
ReplyDeleteขอบคุณครับ
ปล.หนังสือดีมากๆครับ
Good!!!
ReplyDeleteขอบคุณมากเลยครับ
ReplyDeleteแบบนี้จะไม่ต้องานั่งเครียด ว่าจะ ตัด ขาดทุนหรือไม่ตัด วินับ การลงทุนช่วยได้เยอะ
ถ้าได้อ่านบทความนี้ก่อนคงไม่ขายหมูไปทั้งๆ ที่ซื้อได้ราคาต่ำสุดของวันหลายๆ ตัวเลยหรอกค่ะ เฮ้อ.. ขอบคุณมากๆ เลยค่ะสำหรับบทความดีๆ
ReplyDeleteว้าว
ReplyDelete